ชาวบ้านหนีภัยการสู้รบเริ่มขาดแคลนเสบียง
นายอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ระบุเสบียงที่ใช้รองรับผู้อพยพหนีภัยการสู้รบในอำเภอภูสิงห์จะใช้ได้อีกเพียงสัปดาห์เดียว เนื่องจากไม่ได้รับงบประมาณจากส่วนกลาง
ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ กว่า 1,000 คน ยังคงพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนบ้านขะยูง ล่าสุดเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มแล้ว
นายเกริกชัย ผ่องแผ้ว นายอำเภอภูสิงห์ ระบุว่า พื้นที่อำเภอภูสิงห์อยู่ติดชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ 30 กิโลเมตร แต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จึงสั่งให้อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ แม้จะยังไม่มีการปะทะกันก็ตาม ทำให้ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากส่วนกลาง โดยคาดว่าเสบียงที่มีอยู่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านน้ำขุ่นวิทยา อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าบ้าน หลังเหตุการณ์ยังคงสงบ ทำให้เหลือเพียงชาวบ้านในอำเภอกันทรลักษ์ประมาณ 200 คนที่เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้กลับ เนื่องจากมีบ้านเรือนติดกับแนวปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย แนะว่า รัฐบาลควรแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจากับกัมพูชาอย่างสันติ เพราะอาจกระทบกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ประธานกรรมการหอการค้าไทยกล่าวด้วยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริเวณชายแดนของไทย-กัมพูชายังสามารถส่งสินค้าได้ตามปกติ แต่ปัญหาควรยุติโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียในอนาคต