เร่งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ รับมือซ้อมปล่อยน้ำเข้า กทม.
เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เร่งติดตั้งเรือผลักดันน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไฟฟ้าแรงดันสูง ที่บริเวณประตูระบายน้ำซอยลาดพร้าว 56 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการทดสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่กทม.ฝั่งตะวันออก ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องติดตั้งเรือผลักดันน้ำทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ จำนวน 4 ลำซึ่งมากกกว่าจุดอื่นๆ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นคอขวด และประตูระบายน้ำกว้างเพียง 6 เมตร รวมทั้งเพิ่มเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง เพื่อช่วยให้น้ำระบายได้เร็วขึ้น โดยอยู่ที่ 1-1.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เส้นทางการทดสอบประสิทธิภาพระบายน้ำฝั่งตะวันออก จะปล่อยน้ำลงสู่คลอง 2 คลอง คือ คลองบางบัว และคลองลาดพร้าว ซึ่งคลองลาดพร้าว จะแยกออกอีก 3 คลอง ได้แก่ คลองบางเขน คลองเปรมประชากร และอุโมงค์ยักษ์ พระราม 9 ไหลลงสู่คลองพระโขนง ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสำนักการระบายน้ำได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและเรือผลักดันน้ำตามจุดต่างๆ รวมทั้งหมด 16 เครื่อง โดยบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำไฟฟ้าไว้ 1 เครื่องและบริเวณคลองลาดพร้าว ติดตั้งเรือผลักดันน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไฟฟ้าไว้ 7 แห่ง รวมทั้งยังเตรียมจัดเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ระบายน้ำประจำจุดต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหา
ข้อมูลสำนักการระบายน้ำ ระบุว่า ระดับน้ำในคลองลาดพร้าว ยังอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางที่ระดับ 30 เซนติเมตร หากปล่อยน้ำให้ไหลผ่าน 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้น้ำสูงขึ้นไม่เกิน 20 เซนติเมตร ซึ่งไม่ทำให้น้ำท่วม แต่ระดับน้ำที่ส่งผลต่อประชาชนที่อาศัยริมคลองนั้นจะต้องเพิ่มขึ้น 40-50 เซนติเมตร ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยน้ำฝนร่วมด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า หากเกิดฝนตกหนักและทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้น กทม.จะสั่งหรี่บานประตูระบายน้ำคลองสองทันที สอดคล้องกับความเห็นของนายรอยล จิตรดอน ประธานอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ที่ระบุว่าหากน้ำฝนเกิน 30 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง จะสั่งปิดบานประตูระบายน้ำภายใน 5 นาที เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ