กยน.คาด 7-10 วันมวลน้ำเหนือถึงกรุงเทพฯ-กรมชลฯต้องเร่งระบายน้ำลงทะเล
นายสุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะคณะทำงานอนุกรรมการระยะเร่งด่วนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำจากสุโขทัยเริ่มทยอยไหลเข้าที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จากนั้นจะเคลื่อนเข้า จ.นครสวรรค์ ตามลำดับ
ซึ่งหลังจากนี้นอกจากพิษณุโลก และ นครสวรรค์ จังหวัดชัยนาทจะต้องเร่งพร่องน้ำเพื่อเตรียมรับมวลน้ำก้อนนี้ที่อาจจะมาถึงในอีก 5 วันข้างหน้า โดยระหว่างการไหลของน้ำพื้นที่ที่เป็นลุ่มต่ำจะได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งกรมชลประทานคงจะบริหารให้มวลน้ำชะลอความรุนแรงเพื่อลดผลกระทบไม่ให้เกิดเหตุเช่นเดียวกับที่จังหวัดสุโขทัย
ส่วนระยะเวลาที่มวลน้ำจะเดินทางมาถึงพื้นที่รอบพื้นที่ กทม.นั้นอาจใช้เวลาเดินทางภายใน 7-10 วัน แต่หากปริมาณน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนมีจำนวนมากคาดว่า จะใช้เวลาเร็วกว่าเดิม ซึ่งหากปริมาณน้ำที่จะไหลลงมา รวมกับปริมาณน้ำฝนที่จะตกหนัก ตามพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงวันที่ 14-17 ก.ย.นี้คาดว่า จะมีปัญหาอย่างแน่นอนจึงเป็นหน้าที่ของกรมชลประทานที่ต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด
นายสุจริต คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาน่าจะอยู่ที่ 60-80 มิลลิเมตรซึ่งในกรุงเทพฯ หน่วยงานอย่าง กทม.จะต้องดูแล ซึ่งปัจจุบันมวลน้ำจากด้านนอกยังไม่เข้ามารบกวนพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯถ้าช่วงดังกล่าวมีปริมาณฝนเกิน 60 มิลลิเมตรในบางพื้นที่การระบายน้ำอาจจะทำได้ช้าลง แต่ระบบการระบายน้ำมีการเสริมเครื่องผลักดันน้ำเข้าไป
อย่างไรก็ตามอยากเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ.เตรียมระบบการแจ้งเตือนน้ำท่วมให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยมีหน่วยเฉพาะกิจลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทันทีเพราะหลังจากนี้จะเริ่มมีน้ำท่วมเป็นจุด ๆ และ เป็นบางช่วง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ติดแม่น้ำ