สถานการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกยังน่าเป็นห่วง
ถนนในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จมอยู่ใต้น้ำเกือบ 30 เซนติเมตร หลังถูกพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ร้านค้าบางรายเตรียมตัวไม่ทันทำให้น้ำไหลเข้าไปในตัวบ้าน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเครื่องสูบน้ำของชลประทานยังติดตั้งไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งยังไม่มีการวางแนวกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรีได้
ส่วนที่จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 4 อำเภอ ที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา คือ อำเภอบ่อทอง เกาะจันทร์ พนัสนิคม และพานทอง จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะอำเภอพนัสนิคม และอำเภอพานทองที่ระดับน้ำสูงจนน่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำในอำเภอเกาะจันทร์ไหลมาสมทบ และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับจังหวัดอ่างทอง ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก กอรปกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นอีก จากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ทำให้น้ำทะลักมาตามท่อระบายน้ำเข้าท่วมขังบริเวณโบสถ์วัดอ่างทอง และบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ส่งผลให้การจราจรค่อนข้างติดขัด
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ล่าสุด ยังคงมี 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ คือจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลกที่อำเภอบางระกำ น้ำยังคงขายวงกว้าง ขณะที่ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ทหารจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์เร่งนำอุปกรณ์และถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่นเดียวกับตำบลบึงเสนาท อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือนยังต้องเร่งอาศัยชั่วคราวอยู่ริมถนน
ขณะที่สถานการณ์พื้นที่ใน 5 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ ก็ยังไม่คลี่คลายเช่นกัน ระดับน้ำยังคงท่วมสูงเฉลี่ย 50 เซนติเมตรถึง 1 เมตร โดยเฉพาะที่บ้านละหาน ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส ที่พบว่าน้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว
ฝนที่ตกต่อเนื่องยังส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดศรีสะเกษ ล้นช่องระบายน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ป้องกันภัย เตือนประชาชนที่ราบลุ่มติดลำน้ำและตามแนวเชิงเขา เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มจากฝนที่ตกหนักในช่วงนี้