"อันตรายที่สุดของการเดินป่า กลับเป็นความหลงเตลิดไปไกลจากแหล่งน้ำ เมื่อขาดน้ำขาดอาหาร บวกกับความหวาดกลัว เมื่อนั้นความวิกลจริตจะตามมา เมื่อป่าสยายมนตราเต็มที่ ถึงตอนนั้นแม้แต่กิ่งไม้ก็อาจทำอันตรายเราถึงขั้นตายได้ ถ้อยความที่หลั่งไหลจากสำนึกของชายผู้ออกล่างูทุกตัวในป่าลึกเพื่อล้างแค้นให้น้องสาว"
ในบทชื่อ สบตากับความตาย จาก เรื่องเล่าในโลกลวงตา นวนิยายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ของ พิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิพยัคฆ์ นักเขียนหนุ่มใหญ่จากมหาสารคาม ที่ความงดงามทางภาษาและเนื้อหาที่เข้มข้น ทำให้เขาติดโผซีไรต์อีกครั้งหลังจากปีที่แล้วผลงานรวมเรื่องสั้น "เรื่องของเรื่อง" ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ไม่เพียงการันตีถึงความสามารถถึงฝีมือเชิงอักษร แต่ยังเป็นอีกก้าว สู่เป้าหมายสูงสุดของการสร้างงานวรรณกรรม
"แรงบันดาลใจผมเหมือนงานเขียนทุกเล่ม คือปรารถนาจะให้เป็นวรรณกรรมที่ดีที่สุด ที่เราสามารถเขียนได้ขณะนี้ เป้าหมายคือสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ดีที่สุดขณะที่เรายังทำได้" พิเชษฐ์ศักดิ์ กล่าว
ไม่ประกอบหรือจัดวางเรื่องราวจนกลายเป็นนวนิยาย แต่ปล่อยให้ประสบการณ์จากพูดคุยกับอดีตพราน และ การลงพื้นที่หาข้อมูลป่าเทือกเขาพนมดงรักบวกกับจินตนาการ ทำหน้าที่นำผู้อ่านไปสู่บทสรุปของเรื่องราวที่ทับซ้อนกันระหว่างความจริงและโลกภายในจิตใจ ทำให้ เรื่องเล่าในโลกลวงตา ไม่เพียงสะท้อนภาวะของจิตใจที่มืดบอดด้วยความอาฆาตแค้น แต่ยังหลอมรวมเรื่องเล่าและนิทานประจำท้องถิ่น เข้ากับหลักปรัชญาทางพุทธศาสนาที่เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของการมีชีวิตอยู่
"ชอบเขียนความคิดของตัวละคร ว่าขณะนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ในหัวสมองแล้วมันแปลงเป็นพฤติกรรมอย่างไร หัวใจของนวนิยายเรื่องนี้คือถ้าไม่มีชีวิตโดยปราศจากทุกข์ก็จงมีชีวิตที่มีความสุขอย่างงดงาม" พิเชษฐ์ศักดิ์ กล่าว
ความโดดเด่นทางวรรณศิลป์ของ พิเชษฐ์ศักดิ์ เป็นที่ยอมรับในเวทีซีไรต์มาแล้ว เพราะนอกจากเคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายจากผลงานรวมเรื่องสั้น งานกวีนิพนธ์ "WARเรามีพระเจ้าคนละองค์" ของเขายังเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ปี 2547
นวนิยาย เรื่องเล่าในโลกลวงตา จึงเป็นผลงานที่ทำให้ พิเชษฐ์ศักดิ์ กลายนักเขียนที่มีผลงานเข้ารอบสุดท้ายมาแล้วครบทุกสาขา และเป็นอีกครั้งที่เขาจะได้พิสูจน์ฝีมือบนเส้นทางวรรณกรรม