จับตา แคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
นับแต่วันนี้ไปถึงวันลงมติเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกร่วม 20 วันนั้น มีชื่อผู้เหมาะสมที่ถูกนำเสนอแล้วไม่น้อยกว่า 5 คน ด้วยข้อสังเกตว่า การเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะเลือกตัวจริงหรือนอมินี ทั้งกรณีประโยชน์ทางการเมืองและการหลีกเหลี่ยงข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
พรรคเพื่อไทยเลือก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นั่งรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุผลที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 17 คน อีกทั้งเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องกฎหมาย และระเบียบของพรรคเป็นอย่างดี จึงถือเป็นบุคคลที่จะพิจารณาวางระบบและควบคุมการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือก หัวหน้าพรรคคนใหม่ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในวันอังคารที่ 30 ตุลาคมนี้ โดยรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า บุคลากรของพรรคหลายคนต่างมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของพรรค ไม่เว้นแม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็น 1 ใน 6 รักษาการรองหัวหน้าพรรค และนับเป็นหนึ่งในผู้เหมาะสมที่จะรับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะมีความอาวุโสทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ โดยเฉพาะประสบการณ์ทางการเมือง ที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่ยุค รสช.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา ซึ่งปัจจุบันพื้นที่นี้จะไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่อดีตนักการเมืองกลุ่ม 111 และอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ผู้ได้ชื่อว่า ไม่เคยทิ้งพรรคไปไหน ก็มีเสียงสนับสนุนให้เข้ารับตำแหน่งเช่นกัน
ไม่เพียงคุณสมบัติการช่วยงานของพรรคมาโดยตลอดและการเป็นมือวางยุทธศาสตร์ของพรรคแทบทุกครั้งยังทำให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการของพรรคคนปัจจุบัน ยังเป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรคกลุ่มหนึ่ง เพื่อรับตำแหน่งนี้ด้วย
ส่วน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ชื่อนี้ถูกเสนอขึ้นท่ามกลางกระแสของการปรับคณะรัฐมนตรี แต่จะจริงหรือหรอก ไม่มีใครยืนยันข้อมูลข้อเท็จจริงได้ หากแต่การเสนอชื่อมาพร้อมกับคำการันตีว่าเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไว้วางใจมากที่สุด
แต่ก็มีอีกหนึ่งความใกล้ชิดที่เป็นทางเลือกนั่นคือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการพรรคอยู่ แต่ก็ถูกเสนอชื่อขึ้นมาพร้อมกับเสียงสะท้อนว่า เป็นผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นที่สุด
นับจากนี้ยังคงเหลือเวลาอีกร่วม 20 วัน ก่อนส.ส.และหัวหน้าสาขาพรรคทั่วประเทศ จะได้ลงมติเลือก "หัวหน้าพรรคคนใหม่" โดยคะแนนโหวตที่ไม่มีคู่แข่งต้องได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้ร่วมประชุมทั้งหมด แต่หากมีคู่แข่งหลายคนต้องยึดโยงกับเสียงข้างมากเป็นหลัก
หากแต่มีข้อสังเกตว่า มติที่เลือกย่อมสะท้อนภาพให้เห็นได้ว่า ผู้นำคนใหม่ของพรรคเพื่อไทย ก้าวข้ามกลุ่มก้อนทางการเมืองภายในพรรค ก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่ถูกเรียกว่า "พรรค พ.ต.ท.ทักษิณ" หรือแค่ก้าวข้ามข้อบัญญัติมาตรา 237 ว่าด้วยการตัดสิทธิ์และยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญ ผลชี้ชัดถึงจะบอกได้ว่า "ตัวจริง"หรือ"นอมินี"