คนร้ายประกบยิงข้าราชการซี 5 เสียชีวิตบนถนนลำลูกกา-องครักษ์
ตำรวจสถานีตำรวจภูรลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมแพทย์จากโรงพยาบาลลำลูกกา และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบรถยนต์ที่พุ่งชนเสาไฟฟ้า บริเวณเชิงสะพานคลองสิบ ถนนลำลูกกา-องครักษ์ หลังได้รับแจ้งเหตุว่า มีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ นางสุรีย์ ยุวดำรงชัย หรือ เจ๊ตุ้ย อายุ 48 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ระดับซี 5 กรมการปกครองชำนาญงาน ที่ทำการปกครอง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกยิงเข้าที่บริเวณกกหูขวากระสุนฝังใน 1 นัด และหัวไหล่ซ้ายทะลุหลัง 1 นัด ตรวจสอบโดยรอบรถ พบว่า ที่กระจกขวาด้านคนขับมีรูกระสุน 3 รู และกระจกประตูหลังซ้าย 1 รู หัวกระสุนฝังที่ประตูหลังขวา 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บหัวกระสุนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบศพให้มูลนิธิฯนำส่งผ่าพิสูจน์ที่ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุและพยาน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถออกจากแฟลตข้าราชการกรมการปกครองย่านคลอง 9 ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปที่ทำงานในจังหวัดฉะเชิงเทรา และเมื่อขับมาตามเส้นทางถูกผู้ก่อเหตุ ตามขับประกบมาทางด้านขวา ก่อนที่จะใช้ปืนยิงเข้าที่กระจกฝั่งคนขับก่อน และจากการสอบถามนายสมควร แก้วเขียว สามีผู้ตาย ที่ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ทราบว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (15 ต.ค.) ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 06.00 น. ได้โทรศัพท์มาถามผู้เสียชีวิตว่าออกมาทำงานหรือยัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำเป็นปกติทุกวัน เนื่องจากตนต้องเดินทางมาทำงานก่อนตั้งแต่เช้ามืด แล้ว ถึงจะโทรศัพท์มาปลุก ซึ่งภรรยาก็บอกว่าแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะออกไปทำงาน จนกระทั่งมาทราบข่าวจากตำรวจ ว่าภรรยาตนถูกยิงเสียชีวิต ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร เพราะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร
ด้านพ.ต.อ.สมยศ รามกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลำลูกกา ระบุว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกหาข้อมูลและตรวจ สอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นได้สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องชู้สาว หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจเงินกู้ โดยผู้ก่อเหตุ น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวและรอจังหวะที่ผู้เสียชีวิตขับรถออกจากที่พัก ตั้งแต่เช้าเมื่อสบโอกาสจึงได้กระหน่ำยิงดังกล่าวส่วนอีกประเด็นอาจจจะเป็นเหตุซึ่งหน้า ที่บังเอิญผู้ตายอาจจะขับรถออกมาแล้วเกิดปาดหน้ากันกับกลุ่มคนร้าย ส่วนการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมกับจะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป