นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภา ยื่น 67 รายชื่อสมาชิกวุฒิสภา ต่อประธานวุฒิสภา ผ่านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา เพื่อให้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี จำนวน 7.32 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งขาดทุนกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท เป็นสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา190 วรรค 2 ที่คณะรัฐมนตรีต้องชี้แจง และขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เพื่อให้เกิดความถูกต้อง และโปร่งใสในการทำสัญญาก่อน
โดย 3 เหตุผล ในการยื่นครั้งนี้ของ ส.ว. คือ กระทบต่องบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เพราะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมาชดเชยในส่วนที่ขาดทุนจากการขายข้าวเป็นจำนวนเงิน 44,000 ล้านบาท, มีผลผูกพันทางด้านการค้า การลงทุน ทำลายเศรษฐกิจข้าวส่งออกของไทย และยังทำลายการลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ และ ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง เพราะผลการขาดทุนจากการขายข้าวก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเกินกว่ากำหนด ทำให้เกิดวิกฤตการคลัง
ซึ่งนายไพบูลย์ เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้วินิจฉัย เพราะสมาชิกรัฐสภามีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 6 ประกอบมาตรา 154 วรรค 1 สามารถยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งวุฒิสภายืนยันว่าการดำเนินการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้หวังผลล้มรัฐบาล
ขณะที่ตำรวจภูธรพรหมพิรามเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสี ธนวัฒน์ไรซ์มิลล์ ในอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตสวมสิทธิ์ข้าว ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/2555 ซึ่งเป็นการขยายผลกรณีพบการสวมสิทธิ์ข้าว เมื่อเดือนสิงหาคม และได้ดำเนินคดีกับชาวนา 8 คน นายทุนอีก 2 คน ไปแล้วก่อนหน้านี้
เจ้าหน้าที่ยังพบเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ผู้แทนข้าราชการ และผู้แทนเกษตรกร รวม 3 คน เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารใบประทวนปลอมผิดปกติ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ และเตรียมดำเนินคดีเช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวนาจำนวนมาก มีใบประทวนระบุช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ไม่ตรงกับข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร