ประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยันยังไม่อนุมัติหวยออนไลน์
นางเบญจา หลุยเจริญ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ ยังไม่ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการขายสลากด้วยเครื่องอัตโนมัติ หรือ หวยตู้ เพราะต้องการให้เตรียมความพร้อมให้ชัดเจนก่อน ทั้งด้านกฎหมาย และการปฏิบัติ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามากถึง 23 เรื่อง ทั้งการตรวจสอบเครื่องจำหน่าย 6,000 เครื่อง แต่ขณะนี้สำรวจได้เพียง 500 เครื่องเท่านั้น คาดว่าจะเสร็จได้ภายใน 2-3 สัปดาห์, นอกจากนี้ ยังมีระบบซอฟแวร์ที่บริษัท ล็อกซเลย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัด (แอลจีที ) แจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งต้องพิจารณารูปแบบจ่ายเงินรางวัล ด้วยแต่ทั้งหมดเชื่อว่าต้นปีหน้า น่าจะเปิดขายได้แน่
ส่วนข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อนำรายได้จากโครงการหวยตู้ไปช่วยเหลือสังคมนั้น ได้สั่งให้สำนักงานสลาก ฯ กลับไปพิจารณาให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่าจะจัดตั้งกองทุนได้ทันทีหรือไม่ หากต้องแก้ไขหรือออกกฎหมายใหม่ อาจทำให้โครงการหวยตู้ล่าช้าได้ ทั้งนี้ กฎหมายสำนักงานสลากฯได้กำหนดเรื่องการจัดสรรรายได้ไว้ชัดเจนแล้วคือ 28% ต้องนำส่งเข้ากระทรวงการคลัง, 60% จัดสรรเป็นเงินรางวัล และ 12% เป็นค่าบริหารจัดการ ซึ่งค่าบริหารจัดการเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว สำนักงานสลากฯ จะเหลือรายได้เพียง 3% ซึ่งน้อยมาก
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนพิการคัดค้านออกมาคัดค้านในวานนี้ (17 ต.ค.) น่าจะเข้าใจผิด เพราะหวยตู้กับสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือล็อตเตอรี่เป็นคนละตลาดกัน จึงไม่ได้แย่งตลาด โดยโครงการหวยตู้ เป็นเรื่องของการแก้ปัญหาหวยใต้ดิน และได้ทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามสำนักงานสลากฯ ต้องทำความเข้าใจกับผู้คัดค้านต่อไป
ขณะที่มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับโครงการจำหน่ายหวยตู้ โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กับการมีหวยตู้ เพราะเป็นการพนันและมอมเมาเยาวชน และเห็นว่าการออกหวยตู้มีผลประโยชน์แอบแฝง นอกจากนี้ เห็นว่าการเล่นหวย ทำให้ครอบครัวแตกแยกและหากมองถึงประสบการณ์ ก็พบว่านักเรียนเคยเล่นหวยและปัจจุบันยังเล่นอยู่ แต่ที่น่าตกใจคือนักเรียนร้อยละ 25.3 มีแนวโน้มที่จะลองเล่นและอาจจะเล่นแน่ๆ เมื่อมีหวยตู้
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เสนอมาตรการบทลงโทษ โดยให้ยึดเครื่องจำหน่ายหวยตู้ หากพบว่ามีการขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และจุดที่ตั้งเครื่องต้องห่างจากโรงเรียนและวัด พร้อมเสนอให้นำรายได้จากหวยตู้ มาให้กับชุมชนเพื่อใช้รณรงค์ป้องกันการเล่นพนัน