น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจต่างประเทศในคูเวตว่า พอใจต่อการประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ที่เห็นพ้องกันในการเดินหน้าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความยากจนในสังคม รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์อาหารโลกควบคู่กับความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวแสดงความพร้อมที่จะชี้แจง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังวุฒิสภายื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีการขายข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนข้อเสนอของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เห็นควรปรับราคารับจำนำเป็น 13,000 บาทต่อตัน นายกรัฐมนตรี เห็นว่าต้องมีการหารือ และพิจารณากันอย่างรอบด้าน แต่จนถึงขณะนี้ ยังคงยืนยันว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์แก่เกษตรกร จึงอยากให้ทุกฝ่ายได้มองว่าเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ควรมองเป็นเรื่องการเมือง
ขณะที่ ร.ต.อ.เอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสนับสนุนแนวทางของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีตั้งรางวัลนำจับหรือแจ้งเบาะแส "ชายชุดดำ" ที่จะทำให้สามารถคลี่คลายคดีได้เร็วขึ้น และย้ำถึงเสถียรภาพ และความมั่นคงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แม้จะมีกรณีกล่าวหาให้ร้ายเกิดขึ้นหลายเรื่องก็ตาม พร้อมระบุเดินหน้าแก้ปัญหาทุจริตรับจำนำข้าว เพราะหากรัฐบาลไม่เผชิญกับปัญหาการทุจริต จะทำให้สามารถบริหารจัดการประเทศได้ครบวาระ 4 ปี อย่างแน่นอน
ขณะที่มีรายงานจากแหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ จะได้