จ.นครราชสีมา ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง 11 อำเภอ พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 6.7 แสนไร่

สถานการณ์ภัยแล้ง เริ่มขยายพื้นที่มากขึ้น หลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดนครสวรรค์ ก็ได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง จนชาวนาต้องร่วมลงขัน เพื่อสูบน้ำเข้านา

ชาวนากว่า 100 คน ใน ต.บ้านมะเกลือ และ ต.บางพระหลวง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ต้องร่วมลงเงินกองกลางเป็นค่าน้ำมันสำหรับสูบน้ำเข้าแปลงนา เนื่องจากปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ไม่เพียงพอ หากไม่เร่งสูบน้ำนาข้าวกว่า 1,000 ไร่ จะเสียหายทั้งหมด แต่ชาวบ้านยังไม่มั่นใจว่า น้ำที่มีอยู่จะเพียงพอไปจนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวหรือไม่

เช่นเดียวกับพื้นที่ จ.พิจิตร ภัยแล้งเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น นาข้าวใน ต.หนองปล้อง อ.วังทรายพูน เริ่มขาดน้ำ เนื่องจากฝนทิ้งช่วงขณะนี้น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งจนหมด ทำให้ต้นกล้าอายุ 2 สัปดาห์ เริ่มแห้ง ชาวบ้านในพื้นที่เผยว่า ภัยแล้งปีนี้ (2555) มาเร็วทั้งที่เพิ่งย่างเข้าสู่เดือน พ.ย.

เจ้าหน้าที่ชลประทานจังหวัดศรีสะเกษ เร่งสร้างฝายทดน้ำด้วยกระสอบทราย เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และรักษาระบบนิเวศน์ในลำน้ำ หลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 40 พร้อมทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ที่อยู่ท้ายฝาย ถึงการก่อสร้างฝาย ซึ่งเป็นแบบชั่วคราว ไม่ได้ปิดกั้นลำน้ำ

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งใน จ.กาฬสินธุ์ ยังคงขยายพื้นที่ ล่าสุดปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว ลดลงเหลือเพียง 383 ล้านลูกบาศก์เมตร ต้องลดการส่งน้ำเหลือเพียงวันละ 3 ล้าน ลบ.เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ผลิตน้ำประปา จนถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งเพิ่มเป็น 9 อำเภอ

ขณะที่ จ.นครราชสีมา ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 11 อำเภอ มีพื้นที่การเกษตร ที่คาดว่าจะเสียหายสิ้นเชิง 675,000 ไร่

เช่นเดียวกับ จ.อุบลราชธานี ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 1 อำเภอ คือ อ.โพธิ์ไทร ขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ