นักธุรกิจเชื่อ “โอบาม่า” เป็น ปธน.วาระที่ 2 แนวโน้มตลาดส่งออกไทยดีขึ้น

เศรษฐกิจ
7 พ.ย. 55
11:07
25
Logo Thai PBS
นักธุรกิจเชื่อ “โอบาม่า” เป็น ปธน.วาระที่ 2 แนวโน้มตลาดส่งออกไทยดีขึ้น

นักธุรกิจส่งออกไทย ระบุ “โอบาม่า” จะทำให้การส่งออกของไทยกับ สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะโอบาม่า ให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น จะทำให้ไทยจะได้เปรียบเนื่องจากมีฐานการผลิตในประเทศใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทราบผลเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นายบารัค โอบาม่า ได้เป็นประธานาธิบดี วาระที่ 2 ไทยพีบีเอสเว็บไซตื ได้สอบถามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจนานาชาติ นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวถึงทิศทางทางเศรษฐกิจระหว่าง ไทยกับสหรัฐฯ โดยเชื่อว่านายโอบาม่า จะสามารถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา ของสหรัฐฯ ได้เนื่องจาก 4 ปีที่ผ่านมา นายโอบาม่า ได้พยายามแก้ปัญหาไปบ้างแล้ว ซึ่งการแก้ปัญหาต่อเนื่องมักจะทำได้ง่ายกว่าการเริ่มต้นใหม่

<"">
 
<"">

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจไม่ใช่มีเพียงแต่ ประเทศสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วตัวฉุดหลักทางเศรษฐกิจในขณะนี้ คือยุโรป เพราะว่าระหว่างยุโรป กับสหรัฐ มีการทำการค้ามาก พอสถาบันทางการเงินของยุโรปเริ่มมีปัญหา ทำให้สหรัฐฯ ลดการทำการค้ากับยุโรป เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ชะลอ ทำให้กระทบกับความต้องการซื้อสินค้าจากเอเชียตามไปด้วย ซึ่งสังเกตุได้จากตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทางสหรัฐฯ ได้ให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น อย่าง นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็เดินทางมาเอเชียบ่อยมาก โดยเฉพาะการเปิดประเทศของพม่า ที่ทางสหรัฐฯ ต้องการเปิดหน้าด่านทางเศรษฐกิจใหม่

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ระบุว่าสิ่งที่ไทยจะได้คือความต่อเนื่องทางด้านการค้ากับไทยจะไม่สะดุด และคาดว่าไทยจะได้เปรียบตรงที่ มีฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ถัดมาคือสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ อย่างเช่นกุ้ง แช่แข็ง ที่ผลผลิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศจะถูกส่งออกไปสหรัฐฯ จะสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีอุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าประเทศเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ที่ทำจากยางพารา ไทยก็เป็นตลาดนำเข้าใหญ่ที่สหรัฐเช่นกัน

ด้าน รศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าการขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย ของนายโอบาม่า น่าจะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจที่คั่งค้างอยู่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่ประกาศนโยบายงดเว้นการเก็บภาษี ครัวเรือนชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 250,000 ดอลลาร์ ขึ้นไป จะทำให้ชนชั้นกลางของสหรัฐฯ มีรายได้มากขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้ ซึ่งจะดำเนินไปพร้อมกับมาตรการทางการค้าที่ผ่อนปรนและสร้างประโยชน์ ส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งใทยจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างมั่นคง ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น

ผศ.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ นักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เชื่อว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีทิศทางเติบโตมากขึ้น หลังการเมืองมีความชัดเจน โดยในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ในปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวร้อยละ 0.5 ขณะที่นโยบายการเงินจะผ่อนคลายลง โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ว่าอาจมีวงเงินสูงเกิน 600,000 ล้านดอลล์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าการซื้อพันธบัตรรอบ 2 แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก

อย่างไรก็ตามอาจมีปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยคือปัญหาทางด้านงบประมาณของสหรัฐฯ ในอีกไม่ถึง 2 เดือนข้างหน้า ที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะสูญเสียแรงขับเคลื่อนทางการคลัง หรือหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)อย่างรวดเร็ว และรุนแรง เนื่องจากมาตรการด้านการคลังชั่วคราวที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติสิ้นสุดลง ทั้งนี้อีกปัจจัยที่จะตอกย้ำปัญหาดังกล่าวให้แย่ลง คือ ค่าใช้จ่ายทางการทหาร หากไม่สามารถแก้ปัญหาทางด้านงบประมาณของสหรัฐฯ อาจจะทำให้จะมีผลต่อจีดีพีสหรัฐฯ ลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 0.5 และภาคการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องมือเครื่องจักร และสินค้าฟุ่มเฟือย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง