นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุถึงการเจรจาสัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาว่า ไม่สามารถเดินหน้าได้ในเวลานี้เพราะปัญหาเขตแดนยังไม่ชัดเจนและต้องฟังเสียงประชาชนที่ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ จึงสั่งการให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติหาแหล่งก๊าซอื่นมาทดแทนก๊าซในอ่าวไทยที่จะทยอยหมดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี จากโมซัมบิก ทวีปแอฟริกา แต่จะมีราคาแพงว่าก๊าซในอ่าวไทย
ส่วนการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 จำนวน 22 แปลง ยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ แม้ต้องเลื่อนมาแล้วหลายครั้งแต่ระหว่างนี้ให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงผลดี-ผลเสีย โดยเฉพาะพื้นที่เปิดสัมปทาน
ขณะที่นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยืนยันว่า กรรมาธิการพลังงานทั้งจากวุฒิสภา และ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาข้อมูลจากหลายฝ่ายแล้ว ต่างเห็นชอบกับการเปิดสัมปทานรอบใหม่ นอกจากปัญหาการเปิดสัมปทานครั้งใหม่ยังต้องเร่งหาแนวทางดำเนินการกับสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมเดิมที่จะครบกำหนดปี 2565 เช่น บริษัท เชฟรอน และ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งประเมินว่ายังมีก๊าซและน้ำมันเหลืออยู่