เผยตัวตน
หลังภรรยาถูกกลุ่มกองโจรจับตัวไป "จังโก" หนุ่มแอฟริกันอเมริกันที่หลุดพ้นจากความเป็นทาสด้วยความช่วยเหลือของนักล่า ค่าหัว จึงสวมวิญญาณคาวบอยตะวันตกออกตามล่ากลุ่มกองโจร และทวงคืนคนรักจากนายทาสหน้าเลือด ภาพหนุ่มผิวสีสวมหมวกคาวบอยควงปืนบนหลังม้าในเรื่อง Django Unchained หนังใหม่ของ เควนติน ทาแรนติโน่ อาจเป็นภาพแปลกตาสำหรับแฟนหนังที่คุ้นเคยภาพคาวบอยผิวขาวในหนังตะวันตกที่ สร้างออกมาเกือบร้อยปี
ย้อนไปในศตวรรษที่ 18 ถิ่นกำเนิดคาวบอยอยู่ในแถบตะวันตกของสหรัฐฯ ดินแดนที่ผู้คนส่วนใหญ่มีอาชีพกสิกรรม ประกอบไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งผิวขาว, ผิวดำ, ละติน หรือแม้แต่เชื้อสายอินเดียแดง ประเมินกันว่า 1 ใน 4 ของคาวบอยในเท็กซัสเป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการดูแลฟาร์มจนถึงร่วมแข่งขันทักษะของคาวบอย เช่น เจสัน กริฟฟิน คาวบอยผิวสีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยตำแหน่งแชมป์โลกโรดีโอถึง 4 สมัย
ไมเคิล เซิร์ลส์ ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ด้านประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกัสต้าสเตท หรือที่นักศึกษารู้จักในชื่อคาวบอยไมค์ กล่าวว่าเหตุผลที่บรรพบุรุษชาวแอฟริกันอเมริกันของเขาเลือกเป็นคาวบอย เพราะได้ทำงานที่มีเกียรติกว่าการเก็บฝ้ายในไร่ แม้ต้องทำงานที่หนักกว่าคนขาวเสมอ แต่สิ่งที่ได้คือการยอมรับจากสังคม โดยช่วงสงครามคาวบอยผิวสีที่ถูกเกณฑ์ทหารมีบทบาทสำคัญในการรบเนื่องจากมีทักษะในการขี่ม้า
จอห์น เฟอร์กูสัน ช่างภาพชาวอังกฤษเจ้าของสารคดีเรื่อง The Forgotten Cowboys ซึ่งถ่ายทอดการดำรงอยู่ของคาวบอยแอฟริกันอเมริกันในวันนี้ ชี้ว่านอกจากการไม่รู้หนังสือของคาวบอยผิวสียุคนั้นแล้ว การไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ของพวกเขา มาจากความละเลยของฮอลลีวูดที่เลือกถ่ายทอดแต่วีรกรรมของคาวบอยผิวขาว ซึ่งหลายเรื่องสร้างชื่อให้กับซูเปอร์สตาร์อย่าง คลินต์ อิสต์วูด หรือ จอห์น เวย์น แต่กับคาวบอยผิวสีที่มีส่วนร่วมสร้างชาติสหรัฐฯ กลับไม่ได้รับโอกาสเอ่ยถึงในฐานะวีรบุรุษแดนตะวันตกอย่างที่ควรจะเป็น