ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ทุกประเด็นตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกจัดระบบและหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะอภิปรายนายกรัฐมนตรี 2 วัน และอภิปรายรัฐมนตรี รายบุคคล 1 วัน
ระหว่างจัดรายการ"ฟ้าวันใหม่"ทาง" Blue Sky Channel "สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคล จำนวน 3 คน ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นหลัก เน้นนโยบายที่สำคัญของประเทศและชี้โครงการที่มีการทุจริตและจะอภิปรายด้วยความกระชับและชัดเจน
โดยได้เตรียม ส.ส.ผู้อภิปรายไว้ประมาณ 30 คน จะใช้เวลา 1 วัน ในการอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล ส่วนอีก 2 วัน ก็จะอภิปรายนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างหลากหลาย แต่จะจัดเป็นหมวดหมู่และวางแต่ละเรื่องไว้เป็นระบบ เพื่อครอบคลุมข้อกล่าวหาตามญัตติทุกประเด็น
นายอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้าน ยังระบุอีกว่า ประเด็นการถอดยศไม่จำเป็นต้องนำมาอภิปราย เนื่องจากเรื่องอยู่ในศาลแล้ว แต่หากมีการอภิปรายพาดพิงก็ให้เป็นหน้าที่ของประธานในที่ประชุมที่จะพิจารณาบังคับใช้ข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎร
รวมทั้งเชื่อว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เลื่อนวาระการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป แต่หากมีการสร้างสถานการณ์และเลื่อนออกไป ก็ต้องค้างเรื่องไว้ และขยายสมัยประชุมสามัญทั่วไป ออกไปอีก
ขณะที่วุฒิสภาจะเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 รวม 2 วัน คือ วันที่ 23 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 13.00 - 20.00 น. และวันที่ 28 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 11.00 - 24.00 น.
นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้ารับฟังการอภิปรายแล้ว โดยเชื่อว่าการอภิปรายจะผ่านพ้นไปด้วยความสร้างสรรค์ไร้เกมทางการเมือง
ส่วนประเด็นการอภิปรายของ ส.ว.มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม คือ เรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และปัญหาพืชผลสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งหอมแดงและมันสำปะหลัง เรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, การบริหารจัดการน้ำ คือ น้ำท่วมและน้ำแล้ง และเรื่องการบริหารราชการอื่น ๆ
ตั้งแต่การท่องเที่ยว,การศึกษา, และยาเสพติด ทั้งนี้มี ส.ว.ลงชื่ออภิปรายประมาณ 50 ถึง 60 คน เบื้องต้นจะให้ใช้เวลาอภิปรายคนละ 10 นาที ส่วนผู้ที่จะแถลงเปิดและปิดญัตตินั้นจะให้เวลาคนละ 30 นาที
สำหรับบริเวณโดยรอบรัฐสภา จนถึงขณะนี้ มีกำลังตำรวจ จากตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย เข้าประจำการบริเวณลานจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต ฝั่งตรงข้ามอาคารรัฐสภา และกักกันพื้นที่ส่วนหนึ่ง เป็นที่ตั้งแคมป์แล้ว พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่รัฐสภา เริ่มปฏิบัติการตรวจบุคคลเข้า-ออกอย่างเข็มงวด รวมถึงการประจำที่ตั้งเฝ้าระวังตามจุดต่าง ๆ แล้ว