เอ็นจีโอ-กลุ่มผู้หญิง รุมประณาม ส.ส.เพื่อไทยใช้คำพูด คุกคามทางเพศ ส.ส.หญิงกลางสภา

การเมือง
28 พ.ย. 55
07:40
381
Logo Thai PBS
เอ็นจีโอ-กลุ่มผู้หญิง รุมประณาม ส.ส.เพื่อไทยใช้คำพูด คุกคามทางเพศ ส.ส.หญิงกลางสภา

จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กรณีการปล่อยให้มีการทุจริต ระหว่างการอภิปราย ส.ส.รังสิมา ได้ดำเนินการอภิปรายโดยเล่าข้อมูลสลับกับการเล่าความฝัน

  ทำให้ จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.เพื่อไทย ได้ลุกขึ้นมาประท้วงว่า นำความฝันมาอภิปรายถอดถอนไม่ได้และบอกว่า "ถ้าผมฝันว่าได้นอนกับคุณรังสิมาบ้างจะว่าอย่างไร?" ทำให้เกิดการประท้วง ประธานสภาจึงสั่งให้ จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ถอนคำพูด แต่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้ยืนยันให้มีการกล่าวขอโทษด้วย เนื่องจากเป็นการคุกคามทางเพศ และมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ซึ่งประธานที่ประชุม กล่าวว่า จะรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไป

ทันที ที่ปรากฏข่าว ส.ส.ชายพรรคเพื่อไทยใช้คำพูดคุกคามทางเพศ ส.ส.หญิงในรัฐสภา นักวิชาการ นักกฎหมาย นักสิทธิมนุษยชนได้ให้ความเห็นประณามการกระทำของ ส.ส.ชายว่าขัดหลักกฎหมาย มีพยานรู้เห็นทั่วประเทศ

ดร.กนกวรรณ ธราวรรณ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นว่า หากเป็นคำพูดของ สส.ชายเมื่อ 30 ปีก่อน เหตุการณ์นี้เป็นการกระทำของ ส.ส.ชายที่เจตนาสร้างความเสียหายให้กับ ส.ส.หญิง แต่ พ.ศ.2555 ปัจจุบันนี้ คำพูดของ ส.ส.ชายพรรคเพื่อไทย ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับ ส.ส.หญิงเท่านั้น แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับ ส.ส.ชายและพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ ส.ส.ชายสังกัดอยู่ ขอให้ ส.ส.ชายคนนี้ ลองไปถามหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคเพื่อไทยดูว่า การใช้คำพูดของ ส.ส.ชายคุกคามทางเพศ ส.ส.หญิงในสภาเป็นพฤติกรรมของ ส.ส.ที่สร้างความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรีชื่อเสียงเกียรติคุณของพรรคเพื่อไทยและรัฐสภาทั้งหมดอย่างไร

ดร.กนกวรรณ กล่าวว่า หากเป็นเหตุการณ์ในต่างประเทศ ส.ส.ชายท่านนี้ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทยและถูกถอดถอนจากการเป็น ส.ส.เพราะในต่างประเทศมีกฎหมายลงโทษการกระทำคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงาน รัฐสภาเป็นสถานที่ทำงานของ ส.ส.การใช้คำพูดคุกคามทางเพศผ่านสื่อสาธารณะปรากฏต่อสายตาของประชาชนทั่วประเทศ เป็นการกระทำความผิดร้ายแรงที่ถือว่า ดูหมิ่นเหยียดหยาม ประชาชนที่ลงคะแนนเสียง เลือก ส.ส.ท่านนี้มาด้วย

นายไพศาล ลิขิตปรีชากุล มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ (FORSOGI)
ไม่แปลกใจที่คำพูดเหยียดเพศหลุดออกจากปากเดียวกันกับที่เคยใช้คำพูด "แต๋วแตก" เพื่อดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น แปลกใจเล็กน้อยที่ยังมีไดโนเสาร์หลงเหลืออยู่ในประเทศไทยหลังยุคน้ำแข็ง ที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงมาจากการเลือกตั้ง แต่แปลกใจมากที่คำพูดเหยียดเพศที่ไม่ควรแม้แต่จะเขียนบนฝาผนังห้องน้ำ ถูกนำมาพูดให้คนทั้งประเทศได้ฟัง ราวกับว่ารัฐสภาเป็นห้องน้ำสาธารณะ

รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การใช้อำนาจทางเพศของผู้ชายคุกคามทางเพศต่อผู้หญิง ยังคงดำรงอยู่ในสังคมอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แม้ว่าสังคมไทยจะมีความพยายามในการ รณรงค์ให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนพฤศจิกายนของทุกปี รัฐบาลประกาศให้เป็นเดือนยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกลับกระทำการคุกคามทางเพศโดยใช้คำพูด ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ ส.ส.หญิงในรัฐสภาซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักกฏหมายที่ว่า ห้ามมิให้มีการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน
รัฐสภาถือว่าเป็นสถานที่ทำงานแห่งหนึ่ง ส.ส.ชายใช้คำพูดคุกคามทางเพศ ส.ส.หญิง ผ่านสื่อสาธารณะเป็นการกระทำที่มีพยานบุคคลรู้เห็นทั่วประเทศ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเป็นสมาชิกรัฐสภาจะต้องดำเนินการเอาผิดลงโทษ ส.ส.ชายท่านนี้อย่างจริงจัง มิฉะนั้นการกระทำของ ส.ส.ชายที่เสียหายร้ายแรงครั้งนี้ก็จะทำให้เสื่อมเสียสถาบันนิติบัญญัติ ประชาชนเสื่อมศรัทธาเท่ากับปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งหมดทุกตัว

นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การพูดจาดูหมิ่นทางเพศ ไม่ควรเกิดในสภาที่เป็นหนึ่งในอำนาจ 3 แบบ(อำนาจนิติบัญญัติ)นี้ ความหมายของสภา คือ " ที่ประชุมใดไม่มีสัตย์บุรุษ ที่ประชุมแห่งนั้นไม่ใช่สภา " สภาไทยยุคนี้ มีคนประเภทที่ไม่เคยได้รับการอบรม ขาดจรรยามารยาทเข้ามากร่างอยู่ในสภาจำนวนมาก คิดจะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บแสบ โดยไม่สำเนียกว่าคำพูดนั้นสำคัญ และบ่งบอกชาติตระกูล การอบรม ว่ามีมากน้อยเพียงไร

นางสาวรสนา กล่าวอีกว่า การพูดจาล่วงละเมิดทางเพศ หรือจงใจดูหมิ่นโดยเอาเรื่องเพศมาใช้ แบบสภาไทย ส.ส ชายไม่คิดว่าสำคัญ แม้แต่ประธานก็ไม่ให้ความสำคัญด้วยซ้ำ ถ้าให้ความใส่ใจต้องบอกให้ขอโทษไปแล้ว ไม่ต้องมารอตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งมักจะจบลงด้วยการช่วยกัน และปล่อยเรื่องให้เงียบไปเอง เมื่อ3-4ปีก่อน มีข่าวฮือฮาที่ รมต.ต่างประเทศของฟินแลนด์ ส่ง sms ไปเกี้ยวพาราสีนักเต้นรำ นักเต้นรำคนนั้นไม่เล่นด้วย ไปฟ้องสื่อ สื่อออกข่าวประณามครึกโครมจน รมต.ต่างประเทศคนนั้นต้องถูกออกจากตำแหน่ง ดิฉันไปประเทศฟินแลนด์ในปีนั้น ก็ถาม ส.ส ในสภา เขายอมรับว่าเป็นความจริง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ ก็ขึ้นอยู่กับสังคมให้ความสำคัญมากน้อยเพียงใด และเข้มงวดกับพฤติกรรมของบรรดาผู้แทนมากแค่ไหน

รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า บุคคลสาธารณะที่เป็นเพศหญิงมักจะถูกโจมตีด้วยประเด็นเรื่องเพศบ่อยครั้ง แตกต่างจากการหยิบประเด็นเรื่องเพศมาโจมตีบุคคลสาธารณะเพศชายเหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า นักการเมืองและบุคคลในสังคมมีความรู้ ความเข้าใจและเคารพสิทธิความเสมอภาคระหว่างเพศมากน้อยเพียงใด การหยิบประเด็นเรื่องเพศมาโจมตีบุคคลสาธารณะที่เป็นเพศหญิงไม่เกิดผลตามที่ต้องการเสมอไป แต่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับเพศชายที่นำประเด็นเรื่องเพศไปใช้โจมตีมากกว่า เช่น ส.ส.ชาย เคยวิจารณ์นายกรัฐมนตรีหญิงว่าไม่จดทะเบียนสมรส แต่สังคมเปลี่ยนมุมมองเรื่องสถานภาพสมรสของผู้หญิงไปแล้ว สังคมยอมรับให้ผู้หญิงมีสามีเลือกจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ เป็นสิทธิในการตัดสินใจเลือกของผู้หญิงการใช้ประเด็นเรื่องเพศมาโจมตีจึงทำให้ ส.ส.ชายเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า

รศ.สมชาย กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ส.ส.ชายใช้คำพูดเรื่องเพศโจมตี ส.ส.หญิง ส.ส.ชายได้รับความเสียหายมากกว่า ส.ส.หญิงแน่นอน จ.ส.อ.ประสิทธิ์ เป็นสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในประเด็นความเสมอภาค ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย จำเป็นต้องคำนึงถึงความเสมอภาคระหว่างเพศด้วย มิฉะนั้นก็ไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นธรรมแก้ไขความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ กลุ่มเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นว่าความเสมอภาคไม่ใช่เรื่องไพร่กับอำมาตย์เท่านั้น หากสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงใช้อำนาจของเพศชาย คุกคามเพศหญิง กลุ่มเสื้อแดงต้องเคลื่อนไหวให้สมาชิกเห็นว่าส่งผลกระทบสร้างความเสียหายอย่างไร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง