วิเคราะห์คะแนนการลงมติอภิปราย
ผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคล จำนวน 3 คน ตลอด 3 วัน 2 คืน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่ากึ่งหนึ่งยังคง "ไว้วางใจ" ให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป
แม้ผลของคะแนนจะออกมาแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยสรุปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับญัตติของฝ่ายค้าน โดยลงมติไว้วางใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 308 เสียง ส่วนคะแนนไม่ไว้วางใจอยู่ที่ 159 เสียง และเมื่อดูจากเสียงส.ส.จะเห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคมีเสียงส.ส.ที่ลงคะแนนได้ 277 เสียงด้วยกัน เท่ากับว่า 308 เสียงที่นายกฯได้ คือ เสียงจากส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งหมด 31 เสียง
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เสียงสนับสนุน "ไว้วางใจ" 287 เสียง โดยคะแนนไม่ไว้วางใจอยู่ที่ 157 เสียง ซึ่ง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 2 พรรคลงมติตามญัตติของตัวเองคือ ไม่ไว้วางใจ พรรคประชาธิปัตย์ 155 เสียง พรรครักประเทศไทย 2 เสียง แต่สำหรับเสียงสนับสนุนให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป 287 เสียง คือเสียงเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลบวกกับเสียงส.ส.ในกลุ่มมัฌชิมา 7 คน ส่วนอีก 3 เสียงที่เพิ่มขึ้น คือ 2 ส.ส.พรรครักประเทศไทยและ 1 ส.ส.ของพรรคมาตุภูมิ สำหรับ ส.ส.ภูมิใจไทยที่เหลืออีก 24 เสียง "งดออกเสียง"
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีเสียงสนับสนุน 284 เสียง ที่มาของคะแนนก็ไม่ต่างจาก ร.ต.อ.เฉลิม แต่ส่วนต่าง 3 เสียง ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม 287 เสียง กับ พล.อ.อ.สุกำพล 284 เสียง กลับผันไปลงที่คะแนน "ไม่ไว้วางใจ" ของฝ่ายค้าน เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 157 เสียง แต่ พล.อ.อ.สุกำพล ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 160 เสียง เพราะมี ส.ส.พรรครักษ์สันติลงมติไม่ไว้วางใจด้วย
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มี ส.ส.ลงมติให้การ "ไว้วางใจ" 284 เสียง แต่คะแนน"ไม่ไว้วางใจ"กลับสูงถึง 182 เสียง และแน่นอนว่า 284 เสียงที่ไว้วางใจย่อมมี ส.ส.ในกลุ่มมัฌชิมาที่ให้การสนับสนุนอยู่ แต่อีก 24 เสียงในพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยงดออกเสียงในการลงคะแนนของ ร.ต.อ.เฉลิม และ พล.อ.อ.สุกำพล กลับพลิกมาลงคะแนน"ไม่ไว้วางใจ"จนทำให้คะแนนของฝ่ายค้านสูงถึง 182 เสียง เพราะมีคะแนนที่"งดออกเสียง"แค่ 5 เสียง
การลงมติครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย ถูกถามทันทีว่า เสียงที่เทแบบหมดหน้าตักให้นายกฯยิ่งลักษณ์ คือ การส่งสัญญาณสนับสนุนรัฐบาล และอยากจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคที่ 7 หรือไม่ โดยคำตอบที่ได้ คือ "ลงมติตามพื้นฐานข้อมูลที่ได้รับจากการอภิปราย"
ถ้าประมวลจากบริบทของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร แทบจะระบุได้ว่า ทุกพรรคให้การสนับสนุนรัฐบาล จะมีก็แต่ 2 เสียงของพรรครักประเทศไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ 157 เสียง ที่เรียกตัวเองอย่างเต็มศักยภาพว่า"ฝ่ายค้าน" และปฏิเสธว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล หากต้องถูกโดดเดี่ยว
ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมาแล้วทั้งศึกในสภาผู้แทนราษฎรและศึกนอกสภาฯ หากแต่ว่านับจากนี้ไป ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน หรือ ข้อมูลการปราศรัยและจุดยืนการต่อต้านรัฐบาลขององค์การพิทักษ์สยาม ย่อมเป็นบาดแผลให้ต้องขบคิดและทบทวนการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 ปีเศษ