ประชาชนและนักท่องเที่ยวสนใจชมขบวนแห่พระประทีปและกระทงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ รอบอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ก่อนที่คืนนี้(28 พ.ย.)จะนำลงลอยในสระตระพังตะกวน ภายในงานประเพณีเผาเทียนเล่นไฟของ จ.สุโขทัยที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
ขณะที่บรรยากาศลอยกระทงพื้นที่อื่นของภาคเหนือคึกคักเช่นกัน โดยที่ จ.ตาก นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางไปชมงานลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง ซึ่งปีนี้มีการแห่ขบวนกระทงจากองค์กรต่างๆ พร้อมรณรงค์การจัดงานแบบไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ชาว ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย ร่วมกันทำซุ้มประตูป่าบริเวณหน้าวัด โดยเน้นใช้พืชผักสวนครัวเป็นส่วนประกอบ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันเพ็ญเดือน 12 ตามความเชื่อของชาวล้านนา
ขณะที่คืนนี้(28 พ.ย.)จะมีการแห่ขบวนกระทงเล็กจากถนนราชดำเนินไปบริเวณหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ และการแข่งขันประกวดโคมลอยแฟนซี เป็นสีสันในงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ปีนี้
ส่วนสถานที่จัดงานลอยกระทงที่ จ.กำแพงเพชร พังเสียหายจากพายุฝนตกหนักเกือบ 1 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ก็เร่งจัดตกแต่งเพื่อให้ทันจัดงานคืนนี้(28 พ.ย.)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายพื้นที่ร่วมสืบสานเทศกาลลอยกระทงเช่นกัน โดยเฉพาะชาวพื้นเมืองเผ่ากุย อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ จัดขบวนแห่กระทงขนาดใหญ่ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ขณะที่ประชาชน จ.มุกดาหาร ล่องเรือลอยกระทงกลางแม่น้ำโขง พร้อมทำพิธีสักการะบูชาพญานาคที่เชื่อว่าทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาแม่น้ำโขง
ภาคใต้ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครยะลา จัดงานเทศกาลลอยกระทงประจำปี บริเวณสวนศรีเมือง และตลาดเมืองใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการก่อเหตุรุนแรง
ส่วนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งกำหนดจัดงานลอยกระทงบริเวณใต้สะพานพระราม 8 เจ้าหน้าที่เทศกิจ และตำรวจ ได้ตรวจความเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัย โดยคุมเข้มไม่ให้มีการจำหน่ายและจุดพลุ โคมลอย ภายในสถานที่จัดงานอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เทศกาลลอยกระทงมีความปลอดภัยมากที่สุด
ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถร่วมลอยกระทงได้ภายในสวนสาธารณะของ กทม.ทั้ง 28 แห่ง โดยจะเปิดให้เข้าไปลอยกระทงได้จนถึงเวลา 24.00 น.