ชาวเกาหลีใต้เตรียมใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี พรุ่งนี้ (19 ธ.ค.)

ต่างประเทศ
18 ธ.ค. 55
14:22
57
Logo Thai PBS
ชาวเกาหลีใต้เตรียมใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี พรุ่งนี้ (19 ธ.ค.)

ชาวเกาหลีใต้เตรียมใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.) ซึ่งอาจเป็นการเลือกตั้งที่ทำให้เกาหลีใต้ได้ผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าสูสีอย่างยิ่ง แต่คู่แข่งที่เป็นตัวแทนพรรคฝ่ายค้านยังคงมีคะแนนนำอยู่เล็กน้อย

เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมที่หน่วยเลือกตั้งทั่วทั้ง 88 เขตเลือกตั้งของเกาหลีใต้ ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.) โดยประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 6.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และคาดจะนับคะแนนเสร็จในเวลา 2.00 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม

ขณะที่คู่ชิงชัยในการเลือกตั้งคู่หลักทั้ง 2 คน คือนางปาร์ค กึน เอย์ วัย 60 ปีผู้สมัครจากพรรคเซนูรี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปัจจุบัน กับนายมุน เจ อิน วัย 59 ปี ตัวแทนจากพรรคสามัคคีประชาธิปไตย หรือ DUP ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านต่างเร่งหาเสียงในโค้งสุดท้าย หวังดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิให้ได้มากที่สุด ซึ่งผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด ชี้ว่านายมุน เจ อิน จากพรรค DUP มีคะแนนนิยมนำนางปาร์คอยู่เล็กน้อย แต่ว่าช่วงห่างของคะแนน ลดลงจากก่อนหน้านี้ ทำให้มีการจับตาว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ยังได้รับการจับตาว่าอาจเป็นการเลือกตั้งที่สร้างประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ยังมีความอนุรักษ์นิยมสูง และผู้ชายยังมีบทบาทมากกว่าผู้หญิงในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งการเมือง ซึ่งหากนางปาร์คชนะการเลือกตั้งจะถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของผู้หญิงในเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องรับช่วงแก้ไขปัญหาต่อจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายลี เมียง บั๊ก ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีครบสมัยดำรงตำแหน่ง 5 ปี และไม่สามารถลงสมัครสมัยที่ 2 ได้ ตามข้อกำหนดรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้

ซึ่งปัญหาที่ผู้ชนะจะต้องเผชิญ คือปัญหาภายในประเทศทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว และต้นทุนสวัสดิการสังคมที่พุ่งสูงจากการที่เกาหลีใต้กลายเป็นสังคมที่เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว โดยผู้สมัครทั้ง 2 คน มีนโยบายที่คล้ายคลึงกันทั้งในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางฐานะ และเพิ่มเพดานสวัสดิการสังคม รวมถึงการสร้างงานใหม่ๆ

ส่วนเรื่องปัญหาท้าทายอย่างนอกประเทศทั้งความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือหรือญี่ปุ่นที่ค่อนข้างตึงเครียดนั้น ท่าทีของผู้สมัครต่างกันเล็กน้อยในประเด็นเกาหลีเหนือ ซึ่งแม้ทั้งคู่ยืนยันจะพยายามสานสัมพันธ์ และเปิดการเจรจา แต่มีท่าทีแตกต่างเรื่องการให้ความช่วยเหลือ โดยนายมุน ประกาศจะส่งความช่วยเหลือให้เกาหลีเหนือทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่นางปาร์ค ประกาศจะยึดแนวทางที่แข็งกร้าวต่อไป

แต่ปัญหาในภูมิภาคที่สำคัญที่ว่าที่ผู้นำเกาหลีใต้ต้องเผชิญ คือการสร้างสมดุลย์ความสัมพันธ์ใหม่ เพราะขณะนี้ชาติยักษ์ใหญ่ในเอเชียตะวันออกทั้ง 3 ประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างอยู่ในช่วงเปลี่ยนผู้นำ

ซึ่งมีการประเมินจากศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ในเกาหลีใต้รายหนึ่งว่า อาจเป็นเหตุผลให้ทั้ง 3 ประเทศ ต้องหันมาดำเนินนโยบายชาตินิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความตึงเครียดในระดับรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ดังนั้นจึงจำเป็นที่ภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ จะต้องเพิ่มความพยายามในการขยายความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนด้านเอกชนกับคู่ค้าทั้ง 2 ประเทศ

การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีความน่าสนใจในเรื่องความแตกต่างของคู่ชิงชัยทั้ง 2 คน โดยนางปาร์ค กึน เอย์ เป็นบุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีเผด็จการของเกาหลีใต้ ปาร์ค ชุง ฮี ที่แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำพาเกาหลีใต้ให้พ้นจากความยากจน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำที่กดขี่กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างมาก

ขณะที่นายมุน เจ อิน อดีตทนายความนักสิทธิมนุษยชน เคยถูกคุมขังในวัยหนุ่ม สมัยที่บิดาของนางปาร์ค กึน เอย์ ยังเรืองอำนาจ แต่ขณะเดียวกันเขาก็มีความใกล้ชิดกันนายโนห์ มู ยุน อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่จบชีวิตตัวเองเพราะข้อกล่าวหาเรื่องที่คนใกล้ตัวพัวพันกับการคอร์รัปชั่น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง