ฟิล์มเอ็กซเรย์ทรวงอกซึ่งแพทย์สถาบันโรคทรวงอก อธิบายถึงความผิดปกติภายในปอดของผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ตั้งแต่ปี 2552 และถือเป็นผู้ป่วยรายล่าสุดที่เสียชีวิตจากโรคนี้
พญ.พงษ์ลดา สุพรรณชาติ แพทย์ด้านเวชกรรม สาขารังสีวิทยา สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า มะเร็งเยื่อหุ้มปอดชนิดนี้ มีผลยืนยันจากต่างประเทศว่า มีปัจจัยสำคัญเกิดจากการสัมผัสแร่ใยหิน ถึงร้อยละ 90 สอดคล้องกับประวัติการทำงานของผู้ป่วยที่พบว่าสัมผัสกับแร่ใยหินมาอย่างต่อเนื่อง
นพ.สมเกียรติ ศิริรัตน์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ระบุว่า ขณะนี้มีรายงานพบผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหิน โดยกรมควบคุมโรค 10 คน, เยื่อหุ้มปอดมีขนาดหนาตัวขึ้นกว่า 40 คน และมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ที่พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน กำลังรักษาตัวอีก 2 คน แม้ลักษณะการเกิดโรคจะใช้เวลานานถึง 10ปี แต่เมื่อพบการป่วยอุบัติขึ้น ก็จำเป็นต้องป้องกันปัจจัยเสี่ยง
ข้อมูลผลกระทบจากแร่ใยหินต่อสุขภาพถูกผลักดันเข้าสู่มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ที่เสนอให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน จนนำไปสู่การออกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ที่ห้ามนำเข้าแร่ใยหิน ซึ่งสภาเครือข่ายผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย หนึ่งในองค์กรภายใต้เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินประเทศไทย หรือ ทีแบน ยอมรับว่า ภาครัฐ และภาคธุรกิจบางแห่ง ยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่ควรให้ความสำคัญ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า แร่ใยหินเป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด มะเร็งปอด หรือ โรคปอดอักเสบ จากการทำงานมากถึงร้อยละ 54 ของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งจากการทำงาน มีอย่างน้อย 90,000 คน ที่เสียชีวิตในแต่ละปี