ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ส่งผลราคาสินค้าปรับเพิ่ม

27 ธ.ค. 55
14:13
215
Logo Thai PBS
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ส่งผลราคาสินค้าปรับเพิ่ม

การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศในปีหน้า อีก 70 จังหวัด อาจทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญกับภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยสินค้าที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เป็นสินค้าเกษตร ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม อาจจะได้เห็นสัญญาณของราคาสินค้าที่จะทยอยขยับขึ้น

ประชาชนหลายคนเริ่มห่วงว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศในอีก 70 จังหวัด จะทำให้ค่าครองชีพของพวกเขาปรับตัวสูงขึ้น โดยนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่าการปรับค่าแรงจะทำให้สินค้าทยอยปรับขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า หรือราวเดือนมีนาคม โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ในกลุ่มอาหาร สินค้าเกษตร เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น การตรึงราคาสินค้าในปีที่ผ่านมา โดยราคาสินค้าจะปรับเพิ่มประมาณร้อยละ 5-10 ขึ้นอยู่กับการแข่งขันของสินค้าแต่ละประเภท และตัวแปรที่เกี่ยวข้อง เช่น ราคาน้ำมัน และก๊าซ

สอดคล้องกับการศึกษาโครงสร้างค่าแรงต่อต้นทุนราคาสินค้าของกรมการค้าภายใน พบว่าการปรับค่าแรงปีหน้าจะกระทบต่อต้นทุนสินค้าโดยรวมไม่มาก แต่อาจมีผลกับผู้ประกอบการบางกลุ่ม  หลักๆ จะเป็นภาคการเกษตร และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี เพราะใช้แรงงานเข้มข้น และมีต้นทุนจากค่าขนส่ง สินค้าอย่าง ข้าว ธัญพืช มันสำปะหลัง ข้าวโพด จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-5 ผักผลไม้ เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ต้นทุนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 2 ส่วนเนื้อหมู ไข่ไก่ ต้นทุนจะขยับขึ้นประมาณร้อยละ 1

ส่วนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เช่น น้ำมันปาล์ม สบู่ ผงซักฟอก ไม่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากโรงงานผู้ผลิตส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่อง 7 จังหวัดที่มีการปรับค่าแรงไปแล้ว นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคจำใจต้องยอมรับกับราคาสินค้าที่จะขยับเพิ่มสูงขึ้นในปีะหน้า และจะต้องปรับพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย

แม้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ แต่นักวิชาการคาดการณ์ว่าจะไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวเกินร้อยละ 3.5 ซึ่งถือเป็นอัตราที่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจของไทย แต่ในส่วนของศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันให้เงินเฟ้อต้นปีหน้าขยับสูง ขณะที่การปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศคาดอยู่ในกรอบร้อยละ 3-3.6 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจต้องเผชิญแรงกดดันจากการปรับค่าจ้างที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างด้านต้นทุนครั้งสำคัญของบางธุรกิจ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง