แบงก์ชาติแจง ธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง ปีหน้าแนวโน้มแข่งขันดุ
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้าน เสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไทย ปี 2556 มีแนวโน้ม การแข่งขันเพิ่มสูงมากขึนต่อเนื่อง ปัจจุบันค่าใช้จ่ายต่ออัตราส่วนรายได้ลด ลงมาอยูที่กว่ 40% จากในอดีต 57% เป็น ระดับที่ใกล้เคียงกับมาเลเซีย สิงคโปร์สะท้อนว่าความสามารถในการแข่งขันของธนาคารพานิชย์ไทยดีขึ้น และสังเกตจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญที่มีทําการแข่งขันกันทุกรูปแบบ ธนาคารขนาดกลางที่พยายามทําการแข่งขันมากขึ้น และธนาคารขนาดเล็กก็ พยายามรักษาฐานลูกค้าไว้ ซึ่งการแข่งขันที่เกิดขึ้นเป็นผลดีตอระบบ การเงิน และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้มี ทางเลือกในการใช้บริการที่เหมาะสม
นายเกริก กล่าวอีกว่า สําหรับการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศมาเปิดสาขาในไทย เพื่อให้ธุรกิจ ธนาคารพาณิชยมีการแขงขันกันมากขึ้น เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 (ปี 2553-2557) นั้น สวนหนึ่งตองยอมรับวาขณะนี้ เศรษฐกิจในตางประเทศหลายแหงเผชิญ กับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจเป็น อุปสรรคทําใหไมพรอมที่จะเข้ามาแข่งขัน และหากเข้ามาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศน่าจะเลือกปล่อยกู้รายใหญ่ที่ได้กำไรสูงมากกว่ารายย่อยที่อาจแข่งขันกับธนาคารพานิชย์ไทยได้น้อย
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้วาการ สาย กํากับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีฐานะเข้มแข็ง. โดย ธปท.มีการติดตามและแนะนําให้ป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิตจากลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ก็ทำได้ดีตอเนื่อง แต่อาจเกิดความพลาดได้ หากเศรษฐกิจผลิกผันจนทำให้ลูกหนี้ขาดทุน ส่งผลให้เกิดหนี้เสียได้
"การสํารองเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารพาณิชย์(บีไอเอส) ปัจจุบันเฉลี่ยอยูในระดับสูงถึง 15% ยังเพียงพอ รองรับหากเกิดกรณีเลวร้ายที่เศรษฐกิจมีปัญหา ลูกหนี้คุณภาพดีกลายเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) จนแบงกขาดทุน แบงก์ก็ สามารถนําเงินสํารองที่มีอยู่แล้วมาใช้ได ทําให้ไม่ต้องประสบปัญหาขาดทุน" นางสาลินีกล่าว