ผู้ใช้รถบางส่วนยังปรับตัวไม่ได้หลังยกเลิกเบนซิน 91

การยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวาน (1 ม.ค.) แต่สถานีบริการใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เพื่อจำหน่ายน้ำมันที่เหลือในสต็อกให้หมด ขณะที่ผู้ใช้เบนซิน 91 บางส่วนบอกว่าไม่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์แทนได้ และต้องยอมรับกับราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่แพงกว่า

วันนี้ (2 ม.ค.) สถานีบริการน้ำมันยังจำหน่ายเบนซิน 91 ตามปกติ แม้กรมธุรกิจพลังงานระบุว่า โรงกลั่นน้ำมันหยุดผลิตน้ำมันชนิดนี้ไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนน้ำมันค้างสต๊อกรวม 40 ล้านลิตร จะผ่อนผันให้จำหน่ายหมดภายใน 3 เดือน และปั๊มบางแห่งจะเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำมันมาจำหน่ายเบนซิน 95 แทน

จากการสอบถาม ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ทราบว่ารัฐบาลมีแผนยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 แต่บางคันที่ประกอบในต่างประเทศ ยังต้องใช้เบนซินธรรมดาต่อไป และสำหรับรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่บางคนเปลี่ยนไปใช้แก๊สโซฮอล์แล้ว แต่บางคนยังกังวลถึงผลกระทบของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีต่อเครื่องยนต์

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน คาดว่า ยอดขายน้ำมันเบนซินออกเทน 91 จาก 7-8 ล้านลิตรต่อวันจะถูกถ่ายโอนไปยังน้ำมันเบนซิน 95 ที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ถึง ร้อยละ 25 ส่วนที่เหลือจะหันไปใช้แก๊สโซฮอล์ โดยเฉพาะอี 20 ที่มีราคาถูกกว่าเบนซิน 91 ลิตรละ 10 บาท

แต่การกลับมาขายเบนซิน 95 น่าจะทำให้ค่าการตลาดใน 6 เดือนข้างหน้า ลดลงเหลือประมาณ 2 บาทต่อลิตร และทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงด้วย และเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการยกเลิกเบนซิน 91 กับ 3 กลุ่ม ได้แก่ รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 2538, รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ ที่ผลิตก่อนปี 2538 ประเภทละ 500,000 คัน รวมถึงเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็ก เช่น เครื่องพ่นเมล็ดเครื่องพ่นยา เครื่องตัดหญ้า

ทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และรับประกัน 1 ปีโดยติดต่อได้ที่สถาบันอาชีวะกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ จนถึงเดือนเมษายนนี้