การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอีก 70 จังหวัดที่เหลือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้โรงงานและสถานประกอบการหลายแห่งทยอยปลดพนักงานออกโดยอ้างถึงคุณภาพการทำงาน ที่ไม่คุ้มกับค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ผู้ประกอบการบางแห่ง เช่น โรงหล่อเครื่องทองเหลืองขนาดเล็กในตำบลนาสะไมย์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร กว่า 7 แห่ง ต้องปรับเปลี่ยนการจ้างแรงงานจากวันละ 250 บาท เป็นจ้างเหมารายชิ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต ทำให้แรงงานก็ต้องเร่งเพิ่มปริมาณงานให้มากขึ้นเพื่อมีรายได้ต่อวันเฉลี่ยคนละ 300 - 500 บาท
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย เห็นว่า รัฐควรเร่งออกมาตรการช่วยเหลือโดยเร็ว เพราะขณะนี้เริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบางรายแล้ว ทั้งการปิดกิจการ การปรับขึ้นราคาสินค้า หรือการลดจำนวนแรงงานลงเพื่อให้กิจการอยู่รอด โดยประเมินว่าจากการปรับค่าแรงครั้งนี้จะทำให้มีคนตกงานราว 400,000 คน
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ว่าการปรับค่าแรงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการบางกลุ่ม แต่รัฐบาลก็เตรียมมาตรการช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาผลกระทบแล้ว และเชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวได้
สำหรับมาตรการใหม่ที่เสนอเพิ่มเช่น การขอลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ หักลดหย่อนภาษี การจัดคลีนิกพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่ง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่าจะนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 ม.ค.นี้