ผู้ว่าฯ กทม. เดินทางรับทราบกล่าวหาจาก ดีเอสไอ กรณีขยายสัมปทานรถไฟฟ้า
กรณีการจะยื่นใบลาออกของ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.เพื่อลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯในสมัยที่ 2 ซึ่งในวันนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกไปรับทราบกรณีเซ็นสัญญาอนุมัติขยายอายุสัมปทาน รถไฟฟ้าบีทีเอสออกไป รวม 30 ปี
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร ผู้ว่าราชการกทม.และนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกทม.รวมถึงข้าราชการและอดีตข้าราชการกทม.เข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีความผิด ฐานร่วมกันประกอบกิจการ รถรางโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีการทำสัญญาว่าจ้างการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการขนส่งมวลชนกทม. ระหว่าง บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มเติม 3 เส้นทาง นอกเหนือจากสัญญาสัมปทานเดิม ที่กทม.ให้สัมปทานการเดินรถไฟฟ้าแก่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มีระยะเวลา 30 ปี ตั้งแต่ปี 2542 - 2572
นอกจากนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหนังสือแจ้งให้ ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. , ผู้บริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้มารับทราบข้อกล่าวด้วย
ทางพ.ต.ท.ถวัลย์มั่งคั่ง ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ในฐานะพนักงานสอบสวนคดี เปิดเผยว่า ขั้นตอนของการสอบสวนในวันนี้ จะเริ่มจากการแจ้งข้อกล่าวหา และพฤติกรรมให้ทราบว่าเข้าข่ายการกระทำผิดอย่างไร ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถปฏิเสธได้ แต่ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ การแจ้งข้อหาในครั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนได้หารืออย่างรอบคอบ และมองไม่เห็นว่าหลักฐานที่ทางกทม.ส่งมา มีน้ำหนัก หักล้างหลักฐานของดีเอสไอได้ ซึ่งข้อเท็จจริงได้ยุติแล้ว และต้องต่อสู้ตามหลักกฎหมาย ว่าทางกทม. และ 2 บริษัทเอกชน ที่ถูกกล่าวหา จะแถลงว่าอย่างไร
สำหรับการสอบสวนจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าตั้งแต่ 9.00 น. จะประกอบไปด้วย ผู้ว่าราชการกทม. และรองผู้ว่าราชการกทม. ส่วนช่วงบ่าย จะเริ่มเวลา14.00 น.จะสอบสวน นายคีรี กาญจนพบสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน และนายสุรพงษ์ เลาหอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการระบบขนส่งมวลชนกรุงเชพ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่เหลืออีก 5 คน จะเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาในวันอื่น
