รณรงค์จัดงานวันเด็ก
น้ำสมุนไพร และน้ำผลไม้ปั่น ถูกนำมาแทนที่น้ำหวน น้ำอัดลม เพื่อเป็นเครื่องดื่มแจกให้กับเด็กๆ ภายในงานวันเด็กของ ร.ร.วัดราษฎร์ศรัทธาราม ซึ่งเด็กๆ ให้ความสนใจอย่างมาก ส่วนขนมต่างๆ ก็มีส่วนประกอบที่ครบตามหลักโภชนาการที่เด็กๆ ควรได้รับในแต่ละวัน
ขณะที่การทดสอบฤทธิ์ความเป็นกรดของน้ำอัดลมของพี่ๆ ชั้นมัธยมกลุ่มนี้ ก็ทำให้น้องๆ ตื่นตาตื่นใจ เพราะเมื่อเทน้ำอัดลมลงไปแช่ตะปูที่เป็นสนิม และเนื้อหมู ผลปรากฎว่าน้ำอัดลมกัดกร่อนสนิม และทำให้เนื้อหมูเปื่อยยุ่ย เปรียบเทียบให้เห็นผลกระทบต่อสุขภาพหากบริโภคน้ำอัดลม ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สร้างความเข้าใจให้กับเด็กๆ รู้จักเลือกบริโภคอาหาร
การปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นความสำคัญในการเลือกบริโภคอาหาร และงดเว้นขนม ลูกอม น้ำอัดลม ซึ่งต่างมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก เนื่องจากสถานการณ์การบริโภค ในปี 2554 พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเกินความจำเป็น โดยทุกช่วงวัยบริโภคน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานมากกว่าเท่าตัว หรือเพิ่มขึ้น 2.3 เท่าในรอบ 10 ปี
สาเหตุสำคัญของปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นมาจากการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลมเฉลี่ยถึงวันละ 300 - 400 ซีซี ขณะที่เด็กบริโภคขนมกรุบกรอบเฉลี่ยวันละ 2 ถุง มีปริมาณน้ำตาลถึง 4 ช้อนชา/ถุง ส่วนลูกอมเฉลี่ยวันละ 3 เม็ด มีน้ำตาลผสมอยู่ 1 ช้อนชา/เม็ด
ทพญ.มาลี วันทนาศิริ รพ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บอกว่า แม้น้ำตาลจะเป็นสารให้พลังงาน แต่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร และจะสะสมจนเป็นโรคอ้วน ฟันผุ และโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และการที่สถานศึกษาเอาใจใส่ ควบคุมการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคได้
นอกจากนี้กิจกรรมสำคัญๆ สำหรับเด็กที่จัดขึ้น อย่าง กิจกรรมวันเด็กในหลายพื้นที่ ก็ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริโภคขนม หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสร้างค่านิยมในการส่งเสริมสุขภาพสำหรับเด็ก
ขณะนี้มีโรงเรียนมากกว่าร้อยละ 70 ที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนปลอดขนม น้ำอัดลม ของเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน และตั้งเป้าทำให้สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายหมดไปจากโรงเรียน ภายใน 5 ปี