กว่า 2 ชั่วโมงครึ่งในการให้สัมภาษณ์ในรายการของ โอปราห์ แลนซ์ อาร์มสตรอง ยอมรับว่าใช้สารกระตุ้น และขอโทษทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นแฟนกีฬา หรือเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิ Livestrong แม้จะไม่มีการเปิดเผยประเด็นทั้งหมดว่าอาร์มสตรองสารภาพอะไรอีกบ้าง แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าเขาอาจซัดทอดไปยังผู้เกี่ยวข้องในวงการด้วย
แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจทำให้อาร์มสตรองต้องโทษทางคดีเพิ่มจากข้อหาให้การเท็จ หลังจากเคยให้การในคดีโดยยืนยันว่าไม่เคยใช้สารกระตุ้น โดยการสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้จะออกอากาศในวันที่ 17 มกราคม
แลนซ์ อาร์มสตรอง ถูกสหพันธ์จักรยานานาชาติ หรือยูซีไอลงโทษห้ามแข่งขันจักรยานตลอดชีวิต หลังจากที่ นาย แพท แมคเควต ประธานยูซีไอ ยอมรับผลการสอบสวนจากองค์กรเพื่อการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นแห่งสหรัฐฯ หรือยูเอสเอดีเอ ที่กล่าวหาว่า อาร์มสตรองใช้สารกระตุ้นระหว่างการแข่งขัน จักรยานทางไกล ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ และกีฬาโอลิมปิก ในช่วงระหว่างปี 1999-2005
ประธานยูซีไอ กล่าวว่า อาร์มสตรอง จะไม่มีทางลงแข่งขันจักรยานอีกต่อไป และอาร์มสตรอง จะถูกยึดแชมป์ทั้งหมด นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 1998 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยูเอสเอดีเอ เปิดเผยรายงานขนาด 1,000 หน้า เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงคำให้การภายใต้การสาบาน จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 26 คน ซึ่งรวมถึงนักจักรยาน 15 คน ที่ทราบถึงการใช้สารกระตุ้นของ อาร์มสตรอง
ขณะที่อาร์มสตรอง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อรายงานดังกล่าว และทนายความของอาร์มสตรอง กล่าวว่า สิ่งที่ยูเอสเอดีเอเปิดเผยเป็นรายงานที่มีการฟังความเพียงข้างเดียว
นอกจากนี้ อาร์มสตรองยังถูกแบนจากยูเอสเอดีเอ ไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันใดๆ ตลอดชีวิตเช่นกัน พร้อมกับเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นการใช้สารกระตุ้นในการแข่งขันที่มีการกระทำกันอย่างซับซ้อนมีความเป็นมืออาชีพ และประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่วงการกีฬาเคยประสบมา
อาร์มสตรองประกาศเลิกแข่งขันจักรยาน เมื่อปี 2005 แต่กลับมาแข่งอีกครั้งในปี 2009 ก่อนที่จะอำลาสนามอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2011