"เฉลิม" ให้ "มท." พิจารณาสร้างศูนย์ช่วยเหลือ "โรฮิงญา" ประสาน "กต." ส่งประเทศที่ 3

การเมือง
18 ม.ค. 56
07:41
83
Logo Thai PBS
"เฉลิม" ให้ "มท." พิจารณาสร้างศูนย์ช่วยเหลือ "โรฮิงญา" ประสาน "กต." ส่งประเทศที่ 3

รองนายกฯประสานกระทรวงการต่างประเทศส่งตัวชาวโรฮิงญาไปประเทศที่ 3 พร้อมให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ย้ำไม่ส่งตัวกลับประเทศพม่า

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญา ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการช่วยเหลือชาวโรฮิงญาตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งแนวทางการส่งตัวต่อไปยังประเทศที่ 3 เป็นแนวทางที่ดีที่สุดโดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการจะจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้อพพยพชาวโรฮิงญานั้นให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้พิจารณาและหากมีจำนวนผู้อพยพเป็นจำนวนมากก็อาจจะต้องมีการพิจารณาจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพต่อไป

ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำว่า การส่งกลับประเทศพม่าไม่สามารถส่งกลับได้เนื่องจากถูกจับตามองจากต่างประเทศถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และที่ผ่านมาไทยได้เคยตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพแล้วทั้งชาวลาว พม่า หรือกัมพูชา 

นอกจากนี้ รองนายกฯ ยังระบุถึงกระแสข่าวกรณีชาวไทยถูกจับเป็นตัวประกันที่ประเทศแอลจีเรีย ว่า ยังไม่ได้รับรายงานแต่ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ ผ่านทางสำนักงานตรวจคนเจ้าเมือง และกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ ก.ก.ต.ออกมาระบุว่า ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าช่วยเหลือในการหาเสียงของผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่หาเสียง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยสามารถช่วยหาเสียงได้แต่ต้องเป็นเวลานอกราชการ

รวมถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อาจมีการใช้รถยนต์ของราชการและใช้คณะผู้อารักขาความปลอดภัยเป็นจำนวนมาก ว่า รถยนต์ที่ใช้ในการลงพื้นที่นั้นเป็นรถส่วนตัวของนายกฯ และการดูแลรักษาความปลอดภัยดำเนินการตามความเหมาะสม

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังระบุกรณีที่ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. แล้ว แต่เรื่องอาจยังไม่ถึงหน่วยงานต้นสังกัด ส่วนการจะแต่งตั้งบุคคลใดขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทน เร็วเกินไปที่จะพิจารณา แต่งานด้านการปราบปรามจะไม่ชะงัก เนื่องจากได้ดูแลเป็นอย่างดี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง