ตัวประกันในแอลจีเรียอีก 30 คนยังไม่ทราบชะตากรรม

ต่างประเทศ
19 ม.ค. 56
07:02
52
Logo Thai PBS
ตัวประกันในแอลจีเรียอีก 30 คนยังไม่ทราบชะตากรรม

เหตุการณ์กลุ่มติดอาวุธบุกยึดโรงงานก๊าซเชื้อเพลิง และจับชาวแอลจีเรีย และชาวต่างชาติเป็นตัวประกัน ซึ่งผ่านมาได้ 3 วัน ล่าสุด มีตัวประกันหลายร้อยคนได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาได้ แต่ยังมีอีกประมาณ 30 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม

สำนักข่าวเอพีเอสของทางการแอลจีเรียรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันจากกลุ่มติดอาวุธที่บุกยึดโรงงานผลิตก๊าซเชื้อเพลิงในเมืองอามีนาส ของแอลจีเรีย ว่า ล่าสุด มีคนงานหลายร้อยคนได้รับการช่วยเหลือเป็นอิสระ จำนวนนี้เป็นชาวแอลจีเรีย 573 คน และชาวต่างชาติประมาณ 100 คน แต่ยังมีชาวต่างชาติอีกประมาณ 30 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม

ขณะนี้ กลุ่มติดอาวุธยังคงหลบซ่อนอยู่ในโรงงาน และมีชาวอังกฤษประมาณ 10 คนที่ยังตกเป็นตัวประกัน ส่วนคนงานที่เสียชีวิตนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือเมื่อพฤหัสบดีที่ผ่านมา อาจมีประมาณ 12 - 30 คน ในจำนวนนี้เป็นตัวประกันชาวสหรัฐฯ 1 คน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 18 คน

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธภายใต้การนำของนายม๊อคห์ตาร์ เบลม๊อคห์ตาร์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตจับตัวประกันในครั้งนี้ ยื่นข้อเสนอต้องการแลกเปลี่ยนตัวประกันชาวอเมริกันกับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 2 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของสหรัฐฯ ได้แก่ ชี้ค โอมาร์ อับเดล เราะห์มาน ชาวอียิปต์ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาวินาศกรรมอาคารเวิลด์เทรด เซนเตอร์ ในนครนิวยอร์คเมื่อปี 2536 กับนายอาเฟีย ซิดดิคิว นักวิทยาศาสตร์ชาวปากีสถาน ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามสังหารเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯเมื่อปี2553 แต่รัฐบาลสหรัฐฯยังคงยืนกรานว่าจะไม่เจรจากับกลุ่มก่อการร้าย

ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ที่กรุงวอชิงตัน และร่วมกันประณามเหตุการณ์รุนแรงนี้ว่าเป็นการก่อการร้าย อีกทั้งนางคลินตันยังโทรศัพท์ไปยังนายกรัฐมนตรีแอลจีเรียเรียกร้องให้ปกป้องชีวิตของตัวประกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแอลจีเรียระบุว่า สถานการณ์ของตัวประกันยังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งแอลจีเรียกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ขณะที่นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ลดกำหนดการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกลับไปหารือกับคณะรัฐมนตรีกรณีชาวญี่ปุ่นถูกกลุ่มติดอาวุธจับเป็นตัวประกัน โดยญี่ปุ่นได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ, อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อหาทางช่วยเหลือตัวประกัน

ส่วนพนักงาน 5 คนของบริษัท สแตทออยล์ ของนอร์เวย์ เดินทางกลับถึงบ้านเกิดแล้ว หลังถูกกลุ่มติดอาวุธจับเป็นตัวประกัน พร้อมกับคนงานชาวแอลจีเรีย และชาวต่างชาติอีกหลายประเทศ โดยมีครอบครัวมารับอยู่ที่สนามบิน ขณะที่บริษัทสแตทออย์ เปิดเผยว่า ยังมีพนักงานของบริษัท ซึ่งเป็นชาวนอร์เวย์ตกเป็นตัวประกันอีก 8 คน

ขณะเดียวกัน คนงานอีกส่วนหนึ่งที่หลบหนีกลุ่มติดอาวุธออกมาได้ และได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลังของรัฐบาลแอลจีเรีย ต่างสวมกอดกันด้วยความดีใจที่รอดชีวิตจากวิกฤตตัวประกัน นอกจากนี้ ยังมีตัวประกันที่หนีออกมาได้อีกหลายคนต้องเข้ารักษาอาการบาดเจ็บในโรงพยาบาล ในจำนวนนี้เป็นชาวฟิลิปปินส์ 2 คน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง