ประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดไทยพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกของวงการฟุตบอลไทย
โดยเซอร์เดวิด ริชาร์ด ประธานพรีเมียร์ลีก มาเป็นที่ปรึกษาให้กับการประมูลลิขสิทธิ์ครั้งนี้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทย และการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของเซอร์ เดวิด ริชาร์ด ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ สร้างความน่าสนใจให้กับบรรดาเอเย่นกีฬายักษ์ใหญ่ของยุโรป เพราะการมาเป็นที่ปรึกษาของเซอร์ เดวิด ริชาร์ด
นอกจากนั้น ประธานพรีเมียร์ลีก ยังสามารถให้คำแนะนำ เทคนิค รูปแบบการประมูลที่ถูกต้องกับการประมูลลิขสิทธิ์ไทยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของเมืองไทย เพราะพรีเมียร์ลีกมีความชำนาญเรื่องการประมูล และการสร้างมูลค่าธุรกิจฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลก จึงมีการคาดหมายว่าการเข้ามาเป็นทีปรึกษาของประธานพรีเมียร์ลีก ช่วยทำให้มูลค่าของไทยพรีเมียร์ลีกมีเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้วงการฟุตบอลไทยยังไม่เป็นมืออาชีพอย่างเต็มตัว มีบริษัทสยามสปอร์ตซินดิเคทเข้ามาช่วยดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ ด้วยมูลค่าลิขสิทธิ์กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งแต่ละสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีกได้รับเงินส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์เพิ่มทุกปี จนมาถึงทีมละ 5 ล้านบาท
แต่ในการเปิดประมูลลิขสิทธิ์ในเดือนมีนาคม มีบริษัทในยุโรป 2-3 ราย และบริษัทในเมืองไทยให้ความสนใจเข้ามาประมูล ซึ่งนายวรวีร์ มะกูดี คาดว่า ค่าลิขสิทธิ์ไทยพรีเมียร์ลีกต่อปี จะมีมูลค่าสูงถึง 600 ล้านบาท และจะทำให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก มีรายได้แต่ละทีมขั้นต่ำ 15 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินรางวัลของแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกที่จะได้ 10 ล้านบาท รายได้จากค่าลิขสิทธิ์จะไม่รวมงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ให้มาพัฒนาลีก ซึ่งในอนาคตจะมีการลดจำนวนเงินที่จะมาช่วยในลีกสูงสุดไปจนกระทั่งลีกสามารถยืนได้ด้วยตนเอง รัฐบาลจึงจะหันไปสนับสนุนลีกระดับดิวิชั่น 2 แทน
ขั้นตอนการประมูลลิขสิทธิ์ในเดือนมีนาคมของสมาคมฟุตบอล จะลอกแบบมาจากการประมูลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยขั้นตอนจะไม่ซับซ้อน คาดว่าจะไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำของค่าลิขสิทธิ์ เริ่มจากการยื่นเอกสารเพื่อขอเข้าร่วมประมูล จากนั้นจะเป็นการยื่นซองราคา สุดท้ายจะเข้าสู่ระบบการเปิดซองประมูล โดยในการประมูลจะมีทั้งฝ่ายกฎหมายและสักขีพยาน เพื่อความโปร่งใสในการประมูล