เหตุกราดยิงชาวนา จ.ปัตตานี ส่งผลแนวร่วมก่อความไม่สงบเสียมวลชน 
ความหวาดกลัวยังคงปรากฏ ในแววตาทุกคู่ของชาวนารับจ้างในโครงการฟื้นฟูนาร้างของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.หลังพวกเขาเพิ่งผ่านฝันร้ายจากเหตุกราดยิงรถเมื่อเย็นวานนี้ ( 1 ก.พ.) และแม้ว่าชาวนาเหล่านี้จะรอดชีวิต
แต่สำหรับนายเอกรินทร์ อบเชย และนายเสน่ห์ ขุนเณร ปาฎิหาริย์กลับไม่มีจริง จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ชาวนาทั้งหมด ที่เดินทางมาากหลายพื้นที่ เพื่อมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้ชาวบ้านใน ต.บาโรย และ ต.ปิยามุ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้ทำนาอย่างเป็นระบบตัดสินใจย้ายกลับภูลำเนาทันทีเมื่อสิ้นเสียงปืน รถไถนา พันธุ์เมล็ดข้าว และโรงเรือนเก็บข้าว ที่เตรียมนำใช้งานเพื่อฟื้นฟูนาร้างกว่า 1,000 ไร่ ใน ต.บาโรย ถูกวางในที่เดิม และอาจต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง หากจะเดินหน้าโครงการฟื้นฟูนาร้างต่อ เพราะกำลังใจของคนในชุนชนที่เคยคาดหวังจะมีรายได้มากขึ้น หากผืนนาร้างกลายเป็นผืนนาที่สมบูรณ์เริ่มเลือนลาง
โครงการฟื้นฟูนาร้างของศูนย์อำนวยบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอบต. ตั้งเป้าว่าในปีนี้ (56) จะพลิกฟื้นนาร้างกว่า 20,000 ไร่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับมาถูกใช้ประโยชน์ และเป็นแหล่งสร้างอาชีพให้ชาวบ้านกว่า 5,000 ครอบครัว โดยจะสนับสนุนปัจจัยทางการเกษตรทั้งหมด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านหลายคนเกรงว่าอาจกระทบต่อการส่งเสริมผลผลิตข้าวที่อาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย 80 ถังต่อไร่ เหลือไม่ถึง 40 ถังต่อไร่ ซึ่งหมายความว่า ชาวนาอาจต้องขาดทุนในการทำนา
ขณะที่การติดตามตัวคนร้าย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ที่ก่อเหตุน่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายที่กราดยิงชาวบ้าน ในงานวันฮารีรายอ ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 คน และ บาดเจ็บ 5 คน เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ปีที่ผ่านมา (55) และการเลือกเป้าหมายเป็นคนหาเช้ากินค่ำ และผู้ที่สร้างอาชีพให้คนในชุมชน จึงทำให้แนวร่วมอาจสูญเสียมวลชน เพราะการก่อเหตุครั้งนี้