กสทช.เคาะราคาประมูลช่องทีวีดิจิตอล 4 ก.พ.
หวั่นผู้ประกอบการถอดใจ ไม่แข่งประมูลหากราคาประมูลช่องแพงกว่าโครงข่าย
นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ คณะกรรมการการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยว่าวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง หรือ บอร์ด กสท. ของกสทช. จะหารือเพื่อสรุปหลักเกณฑ์การประมูล, คุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูล ว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามใดบ้าง ส่วนวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จะได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์การประมูลช่องรายการกลุ่มธุรกิจ 24 ช่อง ว่าจะถือครองได้รายละกี่ช่อง ส่วนภาพรวมทั้งหมดเกี่ยวกับกรอบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ จะมีความชัดเจนในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
สำหรับประเด็นที่ ผู้ประกอบการหลายคนเป็นห่วง หลังจากที่ สำนักงานกสทช.จัดเวทีรับฟังความเห็นในหลายเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอล นายธวัชชัย ระบุว่า ผู้ประกอบการเป็นห่วงเงื่อนไขต่างๆ ขณะนี้ ที่ยังไม่ชัดเจน เช่น ราคาตั้งต้นการประมูลต่อ 1 ช่องรายการ, ค่าธรรมเนียม และพื้นที่โครงข่ายระบบดิจิตอลที่เข้าถึงครัวเรือนที่กำหนดให้ครอบคลุมตามแผนแม่บท เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบกิจการหลายคนวิตก เพราะไม่สามารถคำนวนต้นทุนต่างๆ ได้ชัดเจน และจะมีผลต่อการการตัดสินใจว่าจะประมูลจำนวนกี่ช่องรายการด้วย
ในขณะที่กสทช.เอง ก็มีความหนักใจไม่น้อย เพราะแต่ละราย จะได้สิทธิ์ถือครองใบอนุญาตนาน 15 ปี หากวางกฎเฏพฺเป็นสิ่งที่กสทช.ต้องวางกฎเกณฑ์ให้รอบคอบและเหมาะสม ซึ่งการประมูลช่องรายการโทรทัศน์ ก็นับเป็นครั้งแรกในโลก หากค่าเช่าโครงข่ายมีราคาสูงกว่าราคาประมูลช่องรายการ ผู้ประกอบอาจไม่สนใจร่วมประมูล
"หลายคนยังต้องการความชัดเจน เช่น ราคาเชื่อมโครงข่าย หรือการทำดิจิตอล มีต้นทุนที่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กสทช.ยังไม่ได้สรุปเป็นทางการ เรารู้แค่ว่าการทำทีวีดิจิตอลจะมีราคาถูกกว่าการทำทีวีดาวเทียม ซึ่งตัวเลขการประมูลเป็นตัวเลขปลายทาง แต่ต้นทางยังไม่การคำนวนในอีกหลายมิติ รวมถึงการแข่งขันด้านราคา ซึ่งการทำงานของกสทช.มีคณะทำงานหลายชุด"นายธวัชชัย กล่าว
ทั้งนี้ รูปแบบทีวีดิจิทอล มีความชัดเจนว่า มีทั้งหมด 48 ช่อง แบ่งเป็นให้บริการชุมชน 12 ช่อง ประเภทสารธารณะ 12 ช่อง และบริการธุรกิจ 24 ช่อง ซึ่งช่องธุรกิจจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ ช่องรายการทั่วไป 14 ช่อง ข่าวสาร 5 ช่อง และช่องเด็กและครอบครัว 5ช่อง