วิลโก จอห์นสัน ร็อกเกอร์ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อมะเร็ง
การแสดง บ๊ายบาย จอนห์นี่ (Bye Bye Johnny) ร็อกแอนด์โรลล์ขึ้นหิ้งของ ชัค เบอร์รี่ เป็นเพลงที่ วิลโก จอห์นสัน ร็อกเกอร์รุ่นเก๋าวัย 65 ปี เลือกมาสั่งลาแฟนเพลงชาวญี่ปุ่นที่ยังคงติดตามผลงานของเขาอย่างเหนียวแน่นแต่โชว์ครั้งนี้แตกต่างคอนเสิร์ตสั่งลาทั่วไปที่ผู้แสดงอาจไม่มีโอกาสกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง เมื่อเขาถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนขั้นสุดท้าย และมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่กี่เดือน
วิลโก จอห์นสัน ตรวจพบมะเร็งหลังการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุทำให้เขาต้องยกเลิกคอนเสิร์ตเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังทราบจากแพทย์ว่าการบำบัดด้วยเคมีจะช่วยยืดชีวิตออกไปอีกไม่กี่เดือน เขาจึงหันหลังให้กับการรักษา แล้วตั้งเป้าหมายในการใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่ ด้วยการตระเวณเปิดการแสดงในประเทศญี่ปุ่น และประกาศทัวร์ในประเทศอังกฤษช่วงเดือนหน้าเท่าที่สุขภาพจะอำนวย และเตรียมบันทึกเสียงอัลบั้มชุดใหม่ ที่เขายอมรับว่าจะเป็นเพลงที่ดิบ และกระชับ เนื่องจากเขามีเวลาในการสร้างสรรค์ไม่นานนัก
วิลโก จอห์นสัน เป็นมือกีตาร์ถนัดซ้ายที่หัดเล่นกีตาร์ด้วยมือขวา จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถเล่นโน้ตเสียงสั้น และตีคอร์ดได้พร้อมกันๆ เขาโด่งดังช่วงต้นยุค 70 กับ ดร.ฟีลกู๊ด (Dr.Feelgood) วงดนตรีที่ผสานดนตรีบลูส์ และอาร์แอนด์บีด้วยการแสดงอันหนักหน่วง จนกลายเป็นดนตรีแนว ผับร็อค (Pub rock) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของดนตรีพังค์ในยุคต่อมา ภาพลักษณ์ติดตาจากใบหน้าบูดบึ้งบนเวที นำไปสู่ประสบการณ์การแสดงในบทเพชรฆาตในซีรีส์ดังเรื่อง เกม ออฟ ทอร์เนส (Game of Thrones)
จอห์นสัน เปิดใจว่ามะเร็งกลับทำให้เขามีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความกังวลจากปัญหามากมายในชีวิตทั้งการงาน และภาษีวันนี้ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป สิ่งที่เขากลัวคือความเป็นห่วงของคนรอบข้างที่ต้องดูเขาจากไปโดยช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนประสบการณ์ที่เขาได้แต่เฝ้ามองคนใกล้ชิดจากไปเพราะมะเร็ง ทั้ง ลี บริลโลซ์ เพื่อนร่วมวงอดีตนักร้องวง ดร.ฟีลกู๊ด ที่เสียชีวิตในปี1994 และ ไอรีน ไนท์ ภรรยาที่คบหากันตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่จากเขาไปเพราะมะเร็งเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
แม้การบอกลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายจะลำบากใจ แต่เสียงตอบรับจากแฟนเพลงที่มาร่วมส่งท้ายชีวิตศิลปินของเขากันอย่างเหนี่ยวแน่น ให้บรรยากาศไม่ต่างจากคืนวันที่เขาเคยรุ่งโรจน์บนถนนดนตรี กลายเป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจสำหรับเขาอย่างมาก