ดีเอสไอพบผู้ต้องหาครอบครองยาซูโดฯ สวมบัตรประชาชนไทย

6 ก.พ. 56
14:55
246
Logo Thai PBS
ดีเอสไอพบผู้ต้องหาครอบครองยาซูโดฯ สวมบัตรประชาชนไทย

กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ต้องหาครอบครองซูโดอีเฟดีนทั่วประเทศ แม้ผู้ต้องหารายนี้จะถูกจับได้ในประเทศพม่า แต่กลับพบว่าเขายืนยันว่าไม่ใช่คนไทย ส่วนบัตรประชาชนที่พบเป็นการสวมบัตรประชาชนคนไทยที่ซื้อมาในราคากว่า 2 แสนบาท

หนังสือคำร้องขอเอกสารการทำบัตรประชาชนของ นายสมชัย รักยอดยิ่ง ถูกยื่นต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ทันที หลังดีเอสไอมั่นใจว่า ผู้ต้องหาคดีครอบครองซูโดอีเฟรดีนทั่วประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านผลิตยาเสพติด ก่อนส่งกลับมาที่ประเทศไทย ที่ถูกจับกุมตัวที่ประเทศพม่า มีการสวมบัตรประชาชนคนไทย ในชื่อนายสมชัย รักยอดยิ่ง

ทันทีที่ไปถึง ดีเอสไอ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำอำเภอว่า การตรวจสอบกรณีนี้ กรมการปกครองเคยเชิญตัว นายบุญเชิด และนางไหนจิ้ว ซึ่งเป็นบิดา มารดา ของนายสมชัย ที่ปรากฎตามข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มาให้ข้อมูลแล้ว และยืนยันว่า ภาพบุคคลที่มีการขอทำบัตรประชาชนในชื่อนายสมชัยล่าสุด มีส่วนคล้ายคลึงกับบุตรของตนเอง ที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 10 ปี

ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร จากอำเภอแม่สรวย มุ่งหน้า บ้านปางกุเส็ง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่ดีเอสไอเดินทางไปหลังยื่นหนังสือคำร้องกับอำเภอ โดยมีบ้านเลขที่ 3 หมู่ 23 หลังนี้เป็นเป้าหมายเริ่มต้น

สำหรับเจ้าบ้านหลังนี้ มีนายวิทวัส รักยอดยิ่งเป็นเจ้าบ้าน ซึ่งนายวิทวัสมีความสำคัญคือ ในข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เป็นบุตรของบิดา มารดา คนเดียวกับนายสมชัย ที่สวมบัตรประชาชน ประเด็นการสอบถาม ดีเอสเริ่มที่ข้อมูลจำนวนพี่น้องของนายวิทวัส ซึ่งนายวิทวัสยืนยัน มีพี่น้อง 4 คน และไม่มีชื่อนายสมชัย รักยอดยิ่ง

แต่ระหว่างเก็บข้อมูล นายวิทวัสก็ระบุว่า บุคคลที่ชื่อนายสมชัย รักยอดยิ่ง เป็นลูกชายของตัวเอง แต่นายสมชัยเป็นบุคคลบกพร่องทางสมอง จากโรคไข้สมองอักเสบตอนอายุ 9 ขวบ และเคยทำบัตรประชาชน 1 ครั้งที่อำเภอแม่สรวย แต่จากภาพบุคคลที่ปรากฎ ในข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่ชื่อนายสมชัย ไม่ใช่ลูกของตัวเอง ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันเช่นกัน

เมื่อข้อมูลเกิดความขัดแย้งระหว่างอำเภอ กับข้อเท็จจริงที่ลงพื้นที่ บ้านของนายบุญเชิด บิดาของนายวิทวัส และนายสมชัย จึงเป็นเป้าหมายสำคัญ

นายบุญเชิด และบุตรสาวคนที่ 2 ของนายบุญเชิด ให้ข้อมูลว่า เคยไปให้ข้อมูลที่อำเภอแล้ว โดยนายบุญเชิด ระบุชื่อบุตรสาวบุตรชาย ตรงกับนายวิทวัส แต่ทั้งนี้ระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีเด็กที่นำมาเลี้ยง 2 คือ นายสมชาย และนายสมชัย รักยอดยิ่ง ซึ่งนายสมชัย ได้หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 12 ปี และไม่เคยไปทำบัตรประชาชน และเมื่อเจ้าหน้าที่ให้ดูภาพจากข้อมูลทำประวัติการทำบัตรประชาชนแต่ละครั้งที่ชื่อนายสมชัย นายบุญเชิดให้การสับสน แต่บุตรสาวคนที่สอง ของนายบุญเชิด ยืนยันว่าขณะที่นายสมชัยอยู่ที่บ้าน ไม่เคยพาไปทำบัตรประชาชน

จากการตรวจสอบวันนี้ ดีเอสไอพบข้อมูลขัดแย้งหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อมูลระหว่างอำเภอกับข้อเท็จจริงเมื่อสอบปากคำจากการลงพื้นที่ ซึ่งขณะนี้พบชื่อ นายสมชัย รักยอดยิ่ง เคยอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันถึง 2 บุคคล เบื้องต้นต้องรอเอกสารข้อมูล ทะเบียนราษฎร์ทั้งหมดจากอำเภอแม่สรวย อีกครั้ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง