“พงษ์เทพ” คาดร่างคำแถลงปิดคดีปราสาทพระวิหารเสร็จ มี.ค.นี้

“พงษ์เทพ” ที่ปรึกษาด้านกฎหมายคณะทำงานต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลก รายงานแนวทางการยกร่างคำแถลงปิดคดีปราสาทพระวิหาร ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ พร้อมคาดการณ์ว่า ประมาณปลายเดือนมีนาคม ร่างคำแถลงปิดคดีฉบับสุดท้ายจะแล้วเสร็จ และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดยมั่นใจว่าฝ่ายไทย จะสามารถหลักล้างข้อต่อสู้ของฝ่ายกัมพูชาได้

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายคณะทำงานต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลก ได้รายงานความคืบหน้า การยกร่างคำแถลงปิดคดีด้วยวาจา ต่อคณะรัฐมนตรี หลังเดินทางกลับจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อนำทีมกฎหมายฝ่ายไทยเข้าพบที่ปรึกษาด้านหมายชาวต่างชาติ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้นำข้อคิดเห็นและข้อห่วงใยต่างๆ จากคณะพิจารณาคดีคณะอนุกรรมการพิจาณาสัญญาต่างๆ รวมไปถึงคณะที่ปรึกษากฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ ภาคนิติบัญญัติ และนักวิชาการ เพื่อจะได้กลั่นกรองว่า จะมีการหยิบยกประเด็นใดในการนำไปแถลงด้วยวาจาในวันที่ 15 -19 เม.ย.นี้ ระหว่างนี้คณะที่ต่อสู่คดีซึ่งมี นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารเป็นประธาน พร้อมที่ปรึกษาด้านกฎหมายจะใช้เวลาในการปรับปรุงถ้อยแถลงด้วยวาจา ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ จากนั้น จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี ในต้นเดือนเมษายน ก่อนเสนอต่อศาลในช่วงกลางเดือน

ส่วนแนวทางการพิจารณาของศาลโลก เชื่อว่าจะพิจาณาตามประเด็น คือการตีความตามคำพิพากษาปี 2505 และ ไม่สามารถออกนอกประเด็นได้ ขณะที่ความคาดหวังของที่ปรึกษาด้านกฎหมายได้ ที่จะนำเสนอว่าสามารถหักล้างกับทางกัมพูชานั้น ส่วนประเด็นที่ทางกัมพูชาอ้าง คณะที่ปรึกษา มีความมั่นใจในระดับหนึ่ง และเรื่องที่กัมพูชาต้องการให้ใช้เส้นตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นหลัก ที่ปรึกษาของไทยก็มีความมั่นใจในระดับหนึ่งเช่นกัน อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นอื่นอยู่อีกมาก แต่ก็ได้หยิบทุกประเด็นขึ้นมา เพื่อเตรียมแถลงด้วยวาจา และในส่วนของไทย เสนอเอกสารไปยังศาลเป็นจำนวนทั้งสิ้นเกือบ 1,600 หน้า โดยทางกัมพูชาเสนอ 300 หน้า ยืนยันว่าทีมกฎหมายของไทยต่อสู้อย่างดีที่สุด พร้อมเปิดเผยว่า ได้นำข้อห่วงใยและคำเสนอแนะของทุกฝ่าย เข้าหารือกลั่นกรอง และหยิบยกมาตั้งเป็นประเด็น บรรจุไว้ในร่างคำแถลงปิดคดีแล้ว

สำหรับคณะทำงานต่อสู้คดีนี้ ประกอบไปด้วย รัฐมนตรีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น และผู้บัญชาการเหล่าทัพ,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,ตัวแทนอัยการสูงสุด,ตัวแทนกฤษฎีกา และเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม คือ ผู้อำนวยการกองยุทธการกรมยุทธการทหารบก, ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 รวมถึงพล.ท.ธารไชยันต์ ศรีสุวรรณ เจ้ากรมยุทธการทหาร และพล.อ.นิพัทธ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนคณะผู้แทนฝ่ายไทย ประกอบไปด้วย นายวีรชัย เอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก เป็นหัวหน้า และรองคณะผู้แทนฯ คือ นายอิทธิพร บุญประคอง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และยังมีที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ 3 คน