อุตุฯเผยเหนือ-อีสานเย็นตอนเช้า กลาง-ตอ.ร้อนตอนกลางวัน ใต้ฝนร้อยละ 20-30
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้(15 ก.พ.) ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้(16 ก.พ.) กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า และมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-35 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก บริเวณตอนบนของภาค อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรังและสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้มีเมฆที่ภาคเหนือเพราะเกิดจากลมชั้นบนที่พัดแรง ส่วนภาคใต้ที่เกิดฝนตก พบว่า เกิดจากลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดเข้ามาปะทะกับชายฝั่ง แต่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ของไทยก็ยังมีฝนตกน้อยกว่าที่มาเลเซียที่เกิดจากแนวลมพัดสอบ
ภาพเมฆดาวเทียมเวลา 8.00 น. และ แผนที่ค่ารีเลทีฟเวอร์ทิซิตี้ระดับ 5.5 กม. เวลา 7.00 น.เมื่อวานนี้(14 ก.พ.)จะเห็นว่า วงกลมและวงรี คือ พื้นที่ที่จะเกิดเมฆและฝน และเมื่อมาดูภาพนี้จะเห็นว่า พื้นที่ที่เป็นสีแดง เป็นพื้นที่ที่เป็นสีออกน้ำตาลแดงๆ แสดงว่า จะมีฝนตกค่อนข้างหนัก นั่นคือ ประเทศมาเลเซีย ส่วนภาคใต้ของไทยก็มีฝนตกเช่นเดียวกัน
ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเล บอกว่า เมฆที่เกิดที่ภาคเหนือ เป็นเพราะลมชั้นบนนั้นพัดแรง เพราะจากภาพเมฆดาวเทียมเวลา 8.00 น. กับแผนที่ลมชั้นบนระดับ 1.5 - 5.5 กม. เวลา 7.00 น.เมื่อวานนี้(14 ก.พ.) จะเห็นว่า ลมชั้นบนระดับ 5.5 กม. พัดแรงจนเกิดการดึงอากาศด้านล่างให้ลอยตัวทำให้เกิดเมฆ ก็คือ บริเวณวงรีที่เป็นเส้นสีแดง
ส่วนที่ภาคใต้ที่เกิดเมฆและฝนตก ที่บริเวณนี้ เกิดจากลมตะวันออกเฉียงใต้ เพราะถ้าดูจาก ภาพเมฆดาวเทียมเวลา 8.00 น. กับแผนที่ลมระดับ 600 เมตร เวลา 7.00 น.เมื่อวานนี้(14 ก.พ.)จะเห็นว่า มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปะทะกับชายฝั่งจนทำให้เกิด ฝนภูเขา (ภาพฝนภูเขา) เป็นฝนที่เกิดจากมวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวางกั้นทิศทางลม มวลอากาศจะถูกยกตัวให้สูงขึ้นและเย็นลง ไอน้ำจึงกลั่นตัวเป็นเมฆหนาทึบและตกลงมาเป็นฝน
แต่สำหรับที่ประเทศมาเลเซีย วงกลมและวงรี เกิดมาจากแนวลมสอบของลม หรือก็คือ การเบียดตัวเข้าหากันของลม 2 ฝ่ายบริเวณใกล้พื้นโลก ทำให้อากาศบริเวณแนวที่มีการเบียดตัว ลอยขึ้น เบื้องบนตามแนวนี้ มักจะมีเมฆฝนเกิดขึ้นและในที่สุดจะตกลงมาเป็นฝน