สช.ค้านการขึ้นทะเบียนสารเคมีอันตราย 4 ชนิด ชี้มีผลเสียต่อสุขภาพ

Logo Thai PBS
สช.ค้านการขึ้นทะเบียนสารเคมีอันตราย 4 ชนิด ชี้มีผลเสียต่อสุขภาพ

ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ค้านการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอันตราย 4 ชนิดของกรมวิชาการเกษตร โดยเห็นว่าไม่ควรอนุญาตให้นำเข้าหรือจำหน่ายต่อไปอีก เพราะมีผลการศึกษายืนยันว่า สารเคมีดังกล่าาส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวกับผู้บริโภคและเกษตรกร

ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยสถานการณ์โรคร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคและเกษตรกร ที่ได้รับพิษจากสารเคมีทางการเกษตร 4 รายการได้แก่ คาร์โบฟูลาน, เมโทมิล, ไดโครโตฟอส และอีพีเอ็น หลังพบมีผู้ป่วยจากการได้รับสารเคมีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริโภคอาคารที่มีสารเคมีดังกล่าวปนเปื้อน หรือเกิดจากที่เกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นเวลานาน มีโอกาสรับสารพิษเหล่านี้ได้โดยตรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่นระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท และหากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ทั้งนี้ยืนยันได้จากสถิติ คนไทยที่เป็นโรคมะเร็งและเสียชีวิต เพิ่มจาก 56,000 คนต่อปี โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 2 ของประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 7

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 5 ปี 2555 มีมติเสนอให้กรมวิชาการเกษตร ทบทวนการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่ใช้ในกระบวนการผลิตภาคการเกษตร ทั้ง 4 รายการนี้ เพื่อผลักดันเป็นวัตถุอันตราย บัญชีที่ 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายปี 2551 ซึ่งจะห้ามมีสารเคมีเหล่านี้ไว้ในครอบครอง เนื่องจากมีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันถึงอันตรายของสารเคมีทั้ง 4 ชนิด และรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ได้ยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้แล้ว

ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตร ยังคงยกเว้นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่นำเข้ามาก่อนวันที่ 22 สิงหาคม 2554 ซึ่งรวมถึงสารเคมีอันตรายทั้ง 4 ชนิดนี้ด้วย ทำให้สามารถจำหน่ายชั่วคราวได้อีก 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนสิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เห็นว่าไม่ควรอนุญาตให้นำเข้าหรือจำหน่ายต่อไปอีก เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ขณะที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ทำเรื่องเสนอไปยังรัฐบาล ขอให้ยกเลิกการขึ้นทะเบียนการนำเข้าส่งออกรวมถึงห้ามมีสารเคมีทั้ง 4 ชนิดไว้ในครอบครองอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบแล้ว อยู่ระหว่างการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาและเสนอความเห็นกลับมายังคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง


แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง