วันนี้ (21 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านไฟฟ้าจากกรณีการปิดซ่อมโรงแยกแก๊สในประเทศพม่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในความเชื่อมั่นด้านพลังงาน และไม่ได้เป็นการเตรียมพร้อมในการรับมือที่ดีเนื่องจากในปีที่แล้วมีการปิดซ่อมโรงแยกแก๊สเหมือนกัน
และการเปิดประมูลโครงการก่อโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊ส มีกำลังการผลิต 5,400 เมกะวัตต์ ซึ่งในช่วงกลางปี ซึ่งถือว่าเป็นการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าพลังงานแก๊สมากเกินไป จะส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากปัจจุบันไทยพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแก๊สถึงร้อยละ 70 และการสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแก๊สเพิ่มขึ้น ทำให้มีการพึ่งพาโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สสูงถึง ร้อยละ 80 จึงไม่สนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าพลังงานทางเลือกหรือไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการเรียกกับผลประโยชน์ จากนักการเมืองกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม ในอัตราเมกะวัตต์ละ 12-15 ล้านบาท
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า ได้เจรจากับโรงงานแยกแก๊สในประเทศพม่า เพื่อลดผลกระทบจากการปิดซ่อมโรงแยกแก๊ส โดยจากกำหนดการเดิมที่จะมีการปิดการซ่อมในช่วง 4-12 เม.ย.เป็น 5 -14เม.ย.56 เนื่องจากช่วงวันที่ 4 เม.ย.เป็นช่วงการใช้ไฟมากที่สุดของไทย เพราะเป็นช่วงก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบก่อนเกิดปัญหา
ทั้งนี้การเปิดประมูลโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแก๊ส เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และแผนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากถ่านหิน ในจังหวัดกระบีที่ได้เตรียมไว้ถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ได้เตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานน้ำในประเทศพม่าและลาว ซึ่งจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 เมกะวัตต์ ในช่วง 10 ปีข้างหน้าซึ่งจะเป็นการลดสัดส่วนการพึ่งพาพลังงานจากแก๊สได้ ร้อยละ 50