กรมอนามัยแนะอาหารที่จะถวายพระควรเน้นอาหารไขมันต่ำหลังเกิดภาวะอ้วนของพระ และสามเณร
สามเณรอุดมศิลป์ มีสุข และสามเณรอีก 2 รูปจากวัดสุทธิวราราม จะออกบิณฑบาตซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทุกๆ เช้า ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน มีพุทธศาสนิกชนนำอาหารคาว-หวาน และปัจจัยมาถวาย ข้าวของจำนวนมากที่ได้รับบิณฑบาตจะถูกนำมารวมกัน ก่อนแยกประเภทสิ่งของ และจัดแจงเพื่อรอฉันเช้าร่วมกันกับพระรูปอื่นๆ
อาหารส่วนใหญ่เน้นประเภทไขมัน น้ำตาลสูง เช่น แกงกะทิ, ขนมหวาน, ของทอด น้ำผลไม้ เมื่อต้องฉันซ้ำๆ กันเช่นนี้ทุกมื้อ นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่พบสามเณร มีปัญหาด้านโภชนาการ จึงต้องปรับรูปแบบการฉันเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง
ตามหลักปฏิบัติแล้ว พระภิกษุ สามเณร ไม่สามารถเลือกรับสิ่งของที่มีผู้ถวายเมื่อออกบิณฑบาตได้ ซึ่งความตั้งใจของประชาชนก็ต้องการใส่บาตรด้วยอาหารมงคล เน้นกระทิ, ขนมรสหวาน และถวายอาหารที่ผู้ล่วงลับชอบกิน จึงเป็นสิ่งที่ ผอ.สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เป็นห่วงโดยเฉพาะสามเณรในเขตเมืองที่ไม่ระมัดระวังในการฉัน ส่งผลต่อสุขภาพที่จะตามมา
สอดคล้องกับ พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผอ.สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่บอกว่า สามเณรมีปัญหาด้านโภชนาการเช่นเดียวกับเด็กวัยเรียนทั่วไป ที่พบภาวะอ้วน เพราะบริโภคอาหารไม่ถูกตามหลักโภชนาการ กินผัก ผลไม้ ออกกำลังกายน้อยลง จึงควรปรับพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดปัญหาด้านสุขภาพ
ขณะที่ประชาชน ก็ควรตระหนักเรื่องการถวายอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการ ซึ่งผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน รสเค็มจัด, หวานจัด เน้นวัตถุดิบทำอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลา, เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปรุงด้วยวิธีการต้ม, ปิ้ง, ย่าง, ยำ หรือ อบ เพื่อให้การทำบุญเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่าง วันมาฆบูชาที่จะมาถึง รวมถึงการทำบุญตักบาตรในทุกๆ วัน ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังจากปัญหาด้านโภชนาการ.