เเม้ว่าเหตุไฟไหม้บริเวณบ่อทิ้งกากอุตสาหกรรมใน ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา จะผ่านไปเกือบ1 เดือนเเล้ว เเต่ซากของเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปกำจัดเเละฟื้นฟูเเก้ไข มีเพียงป้ายด้านหน้าทางเข้า 2 ผืน ที่หน่วยงานภายในท้องถิ่น นำมาติดไว้เพื่อเตือนชาวบ้านให้อยู่ห่างจากพื้นที่ ชาวบ้านหลายคนจึงเป็นห่วงว่าหากปล่อยทิ้งไว้นาน ซากกากอุตสาหกรรมเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อวิถีความเป็นอยู่ เเละเป็นอันตรายสำหรับพวกเขา
ทีมข่าวไทยพีบีเอส เข้าพบนายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม นายอำเภอบ้านบึง เพื่อสอบถามความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายอำเภอให้เหตุผลว่า ที่ล่าช้าเพราะติดปัญหาในขั้นตอนดำเนินงานบางอย่าง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เข้ามาร่วมเเก้ไข
ผลการสุ่มตัวอย่างของเสียจากซากกากอุตสาหกรรมของสำนักสิ่งเเวดล้อมภาค 13 จังหวัดชลบุรี เบื้องต้นทราบว่ามีส่วนผสมของสารเบนซีนหรือฟีนอล ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่มีฤทธิ์เป็นสารก่อมะเร็ง
เเต่จากการเข้าสำรวจพื้นที่บริเวณรอบๆ บ่อขยะ ของทีมข่าวไทยพีบีเอส กับเครือข่ายนักวิจัยด้านสิ่งเเวดล้อมครั้งนี้ ทำให้เราพบข้อมูลเพิ่มเติมบางอย่างจากชิ้นส่วนกากอุตสาหกรรม ที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ โดยส่วนใหญ่ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใชไฟฟ้าเเละยานยนต์ นอกจากนี้ยังพบ เศษฝุ่นที่มีลักษณะคล้ายกับถ่านหิน ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระเเสไฟฟ้า จึงมีความเป็นไปได้ที่กากของเสียเหล่านี้ อาจมีต้นทางมาจากอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันกับชิ้นส่วนที่พบ
จังหวัดชลบุรีมีเขตอุตสาหกรรมหกรรมในพื้นที่ มากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่ผ่านมา จึงพบกลุ่มผู้กระทำผิด ลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในลักษณะเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง
จากการสำรวจ เเละเก็บข้อมูลของเครือข่ายเพื่อนตะวันออกฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า สถานการณ์ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก ยังคงพบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบการลักลอบทิ้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเเล้ว ถึง 19 เเห่ง