สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมแก้ไขธรรมนูญเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของสมาคมเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมนูญเลือกตั้งของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า โดยขณะนี้ประเทศสมาชิกของฟีฟ่าเกือบทั้งหมดใช้ธรรมนูญฟีฟ่าในการเลือกตั้ง ซึ่งฟีฟ่าต้องการให้มีผลบังคับใช้ทั้ง 109 ชาติสมาชิกของฟีฟ่า โดยในวันที่ 4 - 6 มีนาคม นี้ ตัวแทนของฟีฟ่าจะเดินทางไปประชุมร่วมกับผู้บริหารของสมาคมฟุตบอล
ธรรมนูญฟีฟ่าที่เป็นข้อบังคับสำคัญ ประการแรก ต้องเสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลก่อนการเลือกตั้ง 60 วัน เพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติ และมีเวลาในการแสดงวิสัยทัศน์ จากเดิมที่เคยให้สโมสรสมาชิกเสนอชื่อในวันเลือกตั้ง และมีการโหวตเลือกนายกสมาคมทันที
นอกจากนั้น ยังกำหนดให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารสมาคมทุกตำแหน่งเป็นรายบุคคล เช่น การเลือกตั้งเลขาธิการสมาคมฟุตบอล อุปนายกสมาคม และสภากรรมการของสมาคมฟุตบอล ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการแต่งตั้งโดยนายกสมาคมฟุตบอลทั้งหมด โดยทั้ง 2 ประเด็นอยู่ในข้อบังคับของสมาคมจึงสามารถแก้ไขได้ง่าย เพียงแค่ขอการสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกเพื่อให้มีการแก้ไขเท่านั้น
ประเด็นที่นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ มองว่า ละเอียดอ่อนที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของสโมสรสมาชิกที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งอาจจะมีการกำหนดสิทธิ์ที่แตกต่างกันไปตามผลงานของสโมสร โดยบางสโมสรสมาชิกอาจจะมีสิทธิ์เลือกได้เพียงตำแหน่งเลขาธิการ หรือ ตำแหน่งใดตำแหน่งเดียว ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะสมาชิกอาจไม่เห็นด้วย
ขณะเดียวกัน นายวรวีร์ต้องการเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอล จากเดิม 2 ปี เป็น 4 ปีตามธรรมนูญของฟีฟ่า แต่เนื่องจากเป็นข้อกฎหมายที่อยู่ในพระราชบัญญัติกีฬา 2528 การแก้ไขต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลานาน โดย พ.ร.บ.กีฬา 2528 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณายกร่างใหม่
หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมนูญของฟีฟ่า นายวรวีร์ ยืนยันว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยตามหลักสากลในระดับสากล แต่ต้องไม่ขัดต่อหลักกฎหมายของเมืองไทย การปรับจะต้องเหมาะสมกับการเลือกตั้งของไทย ไม่ใช่การนำรูปแบบการเลือกตั้งของฟีฟ่ามาใช้ทั้งหมด
หลังจากการหารือกับฟีฟ่า สมาคมจะนำธรรมนูญเลือกตั้งในข้อที่ต้องการแก้ไขไปเสนอต่อสโมสรสมาชิกในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี วันที่ 31 มีนาคม หากผ่านการรับรองจากสโมสรสมาชิกจึงจะสามารถไปขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครอง ตีตราเป็นข้อบังคับเพื่อใช้ในการเลือกตั้งในวันที่ 15 มิถุนายน