ชาวนครพนม ช่วยเหลือช้างบาดเจ็บหนีข้ามฝั่งมาไทย
ช้างเพศผู้เชือกนี้ถูกชาวบ้านพบบริเวณป่าปากทางเข้าบ้านเสียวสงคราม ตำบลหาดแพง อำเภอศรีสงคราม รอยต่อบ้านตาลหนองเทา ตำบลหนองเตา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เมื่อช่วงบ่าย โดบพบว่า ช้างมีอาการบาดเจ็บที่กลางงวงเป็นแผล เมื่อคนเข้าใกล้จะส่งเสียงร้องและขับไล่อย่างดุร้าย จนชาวบ้านต้องเฝ้าอยู่ห่าง ๆ
ชาวบ้านคนหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 11 มีนาคม ขณะลากอวนหาปลาบริเวณแม่น้ำโขง เห็นช้างว่ายน้ำข้ามจากประเทศเพื่อนบ้าน และวิ่งหายขึ้นไปบนฝั่ง จากนั้นมีชาวลาวแล่นเรือหางยาวมาตามหาช้าง 3 เชือก ชาวบ้าน เชื่อว่า ช้างทั้งหมดอาจถูกไล่ล่าเพื่อเอางา เนื่องจากช้างเชือกที่มีงาถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่งวง
นายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม เปิดเผยว่า ได้ประสานขอควานช้างจากจังหวัดสุรินทร์ เพื่อจับช้างทั้งหมดไปดูแล พร้อมประสานไปที่เจ้าหน้าที่ฝั่งลาวว่า มีช้างที่พลัดหลงจากเจ้าของหรือไม่ หากไม่มีแสดงว่าเป็นช้างป่าที่หนีการไล่ล่าตามข้อมูลจากชาวบ้าน
ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวหมู่ที่ 2 หมู่ที่ 6 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำบลทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี ระดมกำลังเร่งติดตามฝูงช้างป่า บริเวณเทือกเขาหลวง หลังพบว่า ช้างป่าเกือบ 10 ตัว ออกจากป่าเพื่อหาอาหาร จึงเกรงว่า จะมีพรานป่านอกพื้นที่เข้าไปคล้องลูกช้างนำไปขาย ขณะที่ชาวบ้านที่มีแปลงเกษตรใกล้เทือกเขาหลวง เฝ้าระวังแปลงเกษตรของตัวเอง โดยไม่ใช้ความรุนแรงกับช้าง เพราะเชื่อว่า ฝูงช้างป่ากลุ่มนี้เป็นช้างป่าฝูงสุดท้ายของป่าเขาหลวง
นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่พบช้างป่าอีกหนึ่งตัวที่บาดเจ็บในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี พร้อมทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ติดตามดูแลช้างอย่างใกล้ชิด และให้รายงานผลความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง หากระหว่าง 1 - 2 วันนี้ ช้างไม่ลงไปกินน้ำ ซึ่งอาจเกิดจากอาการบาดเจ็บที่ขา ต้องเข้าไปทำแหล่งน้ำเทียม เพื่อให้ช้างสามารถกินน้ำได้
ส่วนช้างป่าเพศเมียที่ถูกยิงตาย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผาซากช้างหลังการผ่าตรวจพิสูจน์หาวัตถุพยานเสร็จสิ้น และจะใช้ตะแกรงร่อนเศษเถ้าถ่านเพื่อพยานหลักฐานเพิ่ม โดยเฉพาะหัวกระสุน
ส่วนการช่วยเหลือช้างบัวเผื่อน อายุกว่า 60 ปี หลังถูกยิงขณะเข้าไปหาอาหารในแปลงเกษตรของชาวบ้านในอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ 2 เดือนก่อน และกำลังขาดแคลนอาหารจนตัวซูบผอม ขณะนี้เริ่มมีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือค่าอาหารผ่านเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นจำนวนมาก