ไทยเสนอไซเตสขึ้นบัญชีไม้พะยูง เข้าสู่บัญชีที่ 2
ที่ประชุมอนุสัญญาไซเตส ด้านพันธุ์ไม้กฤษณา มีมติเปลี่ยนคำจำกัดความของการปลูกไม้กฤษณา เพื่อให้สามารถส่งออกได้ตามที่ไทยเสนอ เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งได้แก้ไขคำอธิบายแนบท้ายใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้ากฤษณาและผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน และเพื่อให้การค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมติดังกล่าว ทำให้ไทยสามารถส่งออกกฤษณาที่ได้จากแปลงปลูกเพิ่มมากขึ้น
ส่วน 1 ข้อเสนอสำคัญของไทยที่คาดว่า จะมีการพิจารณาในที่ประชุมอนุสัญญาไซเตส วันนี้ (12มี.ค.) คือ ข้อเสนอบรรจุไม้พะยูง ไว้ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาไซเตส บัญชีชนิดพันธุ์หมายเลข 2 เพื่อให้การค้าไม้พะยูง ได้รับการควบคุมโดยอนุสัญญาไซเตส และประเทศสมาชิกต้องช่วยกันควบคุมการค้าไม้ดังกล่าว ซึ่งการนำเข้าและส่งออกต้องมีหนังสืออนุญาตกำกับทุกครั้ง เนื่องจากขณะนี้มีการลักลอบตัดไม้พะยูงส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศจำนวนมากและสถานการณ์น่าเป็นห่วง
เบื้องต้นมีข้อมูลว่า คดีลักลอบค้าไม้พะยูงในประเทศไทย เพื่อส่งต่อไปยังประเทศปลายทางเมื่อปี 2555 มีคดีมากถึง 5,500 คดี รวมของกลางกว่า 88,000 ลูกบาศก์เมตร ราคาตกต่อคิว คิวละ150,000 - 200,000 บาท ส่วนของกลางไม้พะยูงทั้งหมด อยู่ระหว่างหารือของรัฐบาลไทยว่า จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้
ส่วนข้อเสนอของไทยกรณีไม้พะยูง จะได้รับการพิจารณาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เนื่องจากในการประชุมแต่ละครั้ง จะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของไซเตส ระดับรัฐมนตรีด้านการอนุรักษ์ของแต่ละประเทศมาพูดคุยตกลงและโหวตให้พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ของแต่ละภูมิภาคที่เสนอต่อที่ประชุมต้องได้รับการยอมรับตามกฎเกณฑ์ของการประชุม
การโหวตในแต่ละหัวข้อ ต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของประเทศที่ร่วมประชุม และการเสนอขอปรับบัญชีไซเตสขึ้นหรือลดลง หรือเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องมีประเทศไม่น้อยกว่า 10 ประเทศให้การรับรอง อาจโดยวิธีลับหรือไม่ลับขึ้นอยู่การรับรองของประเทศสมาชิก ซึ่งประเทศมหาอำนาจมักจะมีอิทธิพลต่อการลงคะแนนโหวตจึงมีการล็อบบี้ประเทศต่างๆ ให้ได้ตามกำหนดของไซเตส การโหวตเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างกันประเทศส่วนใหญ่ จึงมักไม่แสดงท่าทีใดๆ เพราะแต่ละข้อเสนอต่อที่ประชุม จะมีประเทศที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์และมักจะมีการเมืองระหว่างประเทศแฝงอยู่ด้วย
สำหรับข้อเสนอเรื่องไม้พะยูง ซึ่งยังไม่ได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชีใดๆ ของไซเตส ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หากขึ้นบัญชีให้สามารถซื้อขายได้โดยอยู่ในความควบคุม ไทยจะสามารถผลิตไม้ชนิดนี้ออกจำหน่ายอย่างเพียงพอได้หรือไม่ รวมถึงจะมีมาตรการในการตรวจสอบเพื่อการค้าอย่างไรเนื่องจากพันธุ์ไม้นี้มีความคล้ายคลึงกับไม้เสม็ดดำ เสม็ดแดง หรือชิงชัน จึงควรต้องมีแผนจำแนกให้ชัดเจน