หลายฝ่ายแนะตีกรอบประชานิยมลดความเสี่ยงหนี้สาธารณะ
ในเวทีสัมมนาวิพากษ์นโยบายประชานิยมต่อเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง เพื่อรับฟังความคิดเห็นภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายและผลกระทบจากโครงการประชานิยม โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เป็นห่วงการใช้จ่ายงบประมาณว่ากำลังสร้างภาระทางการคลังให้กับประเทศโดยเฉพาะโครงการประชานิยมที่ทำต่อเนื่อง เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่ใช้เงินจำนวนมาก แต่ขาดทุนปีละกว่า 100,000 ล้าน หากรวมกับโครงการอื่นๆ เช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2,000,000 ล้าน โครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้าน จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มจากร้อยละ 44 ต่อจีดีพี เป็นร้อยละ 66 ต่อจีดีพีในปี 2562 รัฐควรทบทวน และหยุดโครงการดังกล่าว
นายธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ควรกำหนดกรอบกติกาบริหารเศรษฐกิจของประเทศโดยเสนอ 6 ทางออกเพื่อตีกรอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐ เช่น รัฐบาลควรวางกรอบการกู้เงินเพื่อนโยบายประชานิยม การหาเสียงของพรรคการเมืองต้องประกาศหาแหล่งเงินสำหรับนโยบายประชานิยม ห้ามรับจำนำสินค้าเกษตรเกินราคาตลาด รวมถึงกำหนดมาตรการหน้าผาการคลังเพื่อลดความเสี่ยงหนี้สาธารณะ
นักวิชาการ และภาคเอกชนเสนอว่า รัฐบาลต้องบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างวินัยการคลัง โดยเปิดเผยภาระหนี้ผูกพันที่เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ ควรทำบัญชีที่โปร่งใส ให้รัฐสภาตรวจสอบ และเปิดเผยข้อมูล
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลเชื่อว่ายังสามารถบริหารหนี้สาธารณะได้ และยังคงเดินหน้าในการกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการสวัสดิการ เบี้ยยังชีพคนชรา จะส่งผลต่อหนี้สาธารณะในอนาคตสูงขึ้นอีก