<"">
รายการตอบโจทย์ประเทศไทยที่ได้ออกอากาศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้นำเสนอมุมมองที่หลากหลายในเรื่องการปรองดอง การนิรโทษกรรม ซึ่งในหลายกรณีคาบเกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่อยู่ในกระแสข่าว ทั้งในสื่อกระแสหลัก และในสื่อสังคมออนไลน์
โดยทางรายการได้เชิญแขกรับเชิญหลายฝ่าย นับจาก ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เคยถวายงานรับใช้ใกล้ชิดพระราชวงศ์ ในฐานะประธานจัดงานครองสิริราชสมบัติ 60 ปี ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในวันจันทร์
ติดตามมาด้วยอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันอังคาร ซึ่งได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในวันพุธ ทางรายการจึงเชิญ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ มานำเสนอมุมมองเพื่อหักล้างทางความคิดต่อข้อวิพากษ์ของอาจารย์สมศักดิ์
และเปิดโอกาสใหผู้ชมเป็นคนตัดสิน แต่ช่วงเวลาที่น่าจะก่อให้เกิดข้อวิพากษ์มากที่สุด น่าจะเป็นรายการในวันพฤหัสบดี ที่มีการดีเบตระหว่างอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งถึงแม้ทางฝ่ายหลังจะประกาศตัวเป็นคนรักเจ้า ที่ต้องการปกปักรักษาให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในประเทศไทยอย่างเปิดเผย แต่ก็ยังถูกตั้งคำถามถึงการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งผู้ชมหลายฝ่ายอาจจะกังขาต่อท่าทีและวิธีการนำเสนอ
ต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว บรรณาธิการรายการตอบโจทย์ ตระหนักว่า ประเด็นเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นประเด็นที่อ่อนไหว และถูกสอบถามถึงวัตถุประสงค์ของการนำเสนอรายการ ในวันนี้ได้มีผู้ชมส่วนหนึ่งสะท้อนความคิดเห็น และขอให้ยุติการออกอากาศรายการตอบโจทย์ ในค่ำวันนี้
ทีมงานบรรณาธิการรายการตอบโจทย์ประเทศไทย เคารพความเห็นต่างอย่างหลากหลายพร้อมทั้งรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อห่วงใยของผู้ชมทุกภาคส่วน และชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ ของผลิตรายการในประเด็นนี้ เพื่อเปิดพื้นที่ในการพูดคุยถึงประเด็นขัดแย้งทางสังคมที่มีอยู่จริงอย่างใครคร่วญตามแนวทางสันติ
โดยมีความคาดหวังว่า ผู้ชมรายการทุกตอนจะชั่งน้ำหนักเหตุและผลของทุกๆฝ่าย เพื่อประกอบการใช้วิจารณญาณ โดยคำตอบของคำถามทั้งหมด คือ ส่วนหนึ่งของเทปรายการที่จะออกอากาศในค่ำคืนนี้
ทางสถานีและรายการพร้อมน้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ข้อตำหนิติชมทุกทาง อันเป็นการเปิดกว้าง ซึ่งเป็นบทบาทหนึ่งที่ต้องรักษาไว้ในการทำหน้าที่สื่อสาธารณะ หากแต่สถานีก็มิได้ละเลยต่อความรู้สึกของผู้ชม
ไทยพีบีเอสจึงจะจัดให้มีรายงานพิเศษขึ้นในวันเสาร์เพื่อสะท้อนมุมมองที่แตกต่าง ด้วยเชื่อว่า การเปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา น่าจะก่อให้เกิดปัญญาและความโปรงใสมากกว่าการปิดกั้นการแสดงทัศนะ ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ทั้งหมดนี้ ติดตามได้ในช่วงข่าวไทยพีบีเอสกับความพยายามทำหน้าที่สื่อสาธารณะอย่างตรงมาตรงไป