ถอดบทเรียนนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
การเมืองท้องถิ่น กับบทบาทภาคประชาสังคม เป็นหัวข้อสำคัญ เพื่อการศึกษาการร่วมกำหนดอนาคตชุมชนผ่านประสบการณ์ และหาทางออก จากกรณีการเสียชีวิตและหายตัวของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนหลายคนเพื่อพิทักษ์ทรัพยากรท้องถิ่น
นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้สืบทอดอุดมการณ์จากนายเจริญ วัดอักษร ที่เสียชีวิตเมื่อ 9 ปีก่อน เปิดเผยว่าเคยถูกข่มขู่ ระหว่างการต่อสู้ และหวังให้รัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ให้เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำรอย เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอนุรักษ์ และกลุ่มทุนเกิดจากความพยายามปกป้องทรัพยากร จากโครงการของรัฐ และภาคประชาสังคม ควรมีบทบาทในการกำหนดอนาคตชุมชนของตนเอง
สอดคล้องกับมุมมองของรองศาสตราจารย์ กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า การที่ภาคประชาสังคมละเลยการบังคับใช้กฎหมาย และขาดการเรียกร้องเพื่อผดุงความยุติธรรม เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ไม่สามารถหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับนักอนุรักษ์ได้
ในช่วง10 ปีที่ผ่านมา มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เสียชีวิตเพื่อปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมแล้ว 35 คน เช่น นายเจริญวัดอักษร ประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบครีขันธ์, นายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต้านถ่านหิน จ.สมุทรสาคร ,นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา และนายประจบ เนาวโอภาส ผู้ใหญ่บ้าน ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แกนนำต่อต้านการลักลอบทิ้งสารเคมี