เหตุจลาจลในพม่าเริ่มสงบ หลังรุนแรงต่อเนื่อง 3 วัน
นายวิเจย์ นามเบีย ที่ปรึกษาพิเศษด้านพม่า ซึ่งเป็นผู้แทนทูตสหประชาชาติ พร้อมคณะลงพื้นที่เมืองเมี๊ยะถิลา ห่างจากกรุงเนย์ปิดอว์ ไปทางเหนือราว 180 กิโลเมตร เพื่อตรวจสอบสภาพเมือง หลังเกิดจลาจลเผาเมืองและไล่ล่าสังหารตลอดช่วง 3 วันก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 32 คน และอีกกว่า 9,000 คน ต้องหนีออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย หรือกลายเป็นผู้ไร้ที่อาศัย เพราะบ้านถูกเผา
นายวิเจย์ระบุว่า ภาพที่เห็นสร้างความเศร้าใจ และประกาศว่า UN จะให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด แม้ทางการจะควบคุมสถานการณ์ได้ หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน และส่งทหารเข้าพื้นที่แล้ว แต่ชาวบ้านยังคงไม่วางใจในความปลอดภัยได้เต็มที่ และต้องจัดกลุ่มคอยระแวดระวังความปลอดภัยเพิ่มเติม ท่ามกลางกระแสข่าวลือต่างๆ นานา
ด้านผู้นำศาสนาทั้งพุทธ, คริสต์, อิสลาม และฮินดู ต่างออกมาเรียกร้องให้แต่ละฝ่าย อดทนอดกลั้น ยุติการใช้ความรุนแรง และให้มีความรัก ความเมตตาซึ่งกันและกัน รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการดูแลความปลอดภัยให้คนทุกศาสนา เหตุจลาจลระหว่างคนต่างศาสนาที่เมืองเมี๊ยะถิลา เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างศาสนา ที่รัฐบาลพลเรือนของพม่าจะต้องเร่งแก้ไข ท่ามกลางความพยายามที่จะปฏิรูปประเทศ นอกจากนี้ยังเกิดความกังวลว่าสถานการณ์ความตึงเครียดอาจลุกลามบานปลายไปยังเมืองอื่นๆ
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ นับเป็นเหตุตึงเครียดทางศาสนาครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่เกิดเหตุจลาจลระหว่างผู้นับถือศาสนาพุทธกับอิสลามที่รัฐยะไข่ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 180 คน ไร้ที่อาศัยอีกนับแสนคน และยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาคลื่นผู้อพยพชาวโรฮิงยา ที่หนีออกนอกพม่าด้วย