ยูเอ็นเชื่อเจ้าหน้าที่รัฐพม่าเกี่ยวเหตุรุนแรงทางศาสนา

ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติระบุว่ามีข้อมูลที่อาจเชื่อได้ว่าความรุนแรงระหว่างศาสนาที่เกิดขึ้นในพม่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกี่ยวข้องด้วย ขณะที่ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ประกาศว่าหากมีความจำเป็นรัฐบาลจะใช้กำลังเพื่อยุติความรุนแรง

พลเอกเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีของพม่า แสดงท่าทีเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิม โดยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายทุกอย่างเพื่อยุติการฉวยโอกาสทางการเมืองและพวกคลั่งศาสนาที่พยายามสร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนา โดยทั่วไปรัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แต่การกระทำที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนและมั่นคงในชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และหากจำเป็นจริงๆ รัฐบาลจะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินสาธารณะ

ในขณะที่นายโทมัส โอเจีย ควินทาน่า ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ว่าเขาได้รับขัอมูลที่บ่งชี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง เช่น กรณีที่ทหารและตำรวจของพม่า ไม่ยอมใช้อำนาจที่มีอยู่ยุติความรุนแรง ขณะเกิดขึ้นต่อหน้า นอกจากนี้การชุมนุมของพระสงฆ์มีการจัดการอย่างดี ข้อมูลเหล่านี้ชี้ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในหน่วยงานบางแห่งสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้ทหารและตำรวจอาจจับกุมประชาชนโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของเชื้อชาติและศาสนา

ความรุนแรงในพม่าเริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2556 โดยเจ้าของร้านทองชาวมุสลิมในเมืองเมกถิลา ทะเลาะกับลูกค้าซึ่งเป็นชาวพุทธ และเหตุการณ์บานปลายยิ่งขึ้นเมื่อมีพระสงฆ์มรณภาพจากการปะทะกันระหว่างคนสองศาสนา มีการเผามัสยิดและบ้านเรือนประชาชน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเมืองเมกถิลาอย่างน้อย 40 คน ต่อมาความรุนแรงได้ขยายไปที่เมืองพะโค รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ที่มีความรุนแรง มีการส่งทหารและตำรวจลงไปควบคุมสถานการณ์