เปิด 
ที่ประชุมสมาคมฟุตบอลได้มีการรับรองวาระอื่นๆ ที่ให้ผู้บริหารดำเนินการแก้ไขลักษณะการปกครองของสมาคมฟุตบอลหรือการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลให้สอดคล้องกับธรรมนูญมาตรฐานของฟีฟ่า ซึ่งหากสมาคมฟุตบอลไม่ยอมดำเนินการตามธรรมนูญมาตรฐานของฟีฟ่าที่จะมีการประกาศใช้ในการประชุมวันที่ 29-31 พฤษภาคม อาจจะส่งผลต่อวงการฟุตบอลไทยที่ไม่สามารถร่วมกิจกรรมใดภายใต้การดูแลของฟีฟ่าได้ โดยรายละเอียดของการปรับเปลี่ยนเรื่องการเลือกตั้งได้มีการให้สมาชิกสโมสรนำกลับไปอ่านและพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
หลักใหญ่ใจความสำคัญของการเลือกตั้งที่จะใช้ในการเลือกตั้งนายกสมาคมในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ประเด็นหลักๆ คือการเลือกตั้งของผู้บริหารสมาคม ไม่ว่าจะเป็น นายกสมาคม เลขาธิการ และตำแหน่งอื่นๆ รวมถึง สภากรรมการสมาคมฟุตบอลทั้งหมดจะต้องเป็นการเลือกตั้งทั้งหมด ต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่เป็นลักษณะที่ สมาชิกสโมสรเลือกตั้งนายกสมาคม และหลังจากนั้นนายกสมาคมจะมีอำนาจในการแต่งตั้งสภากรรมการทั้ง 19 คน
ส่วนวาระการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมที่ได้กำหนดตามที่ฟีฟ่าระบุ 4 ปี จะมีการระบุไว้ในระเบียบของการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องรอ พรบ.กีฬาอาชีพ ของการกีฬาแห่งประเทศไทยออกมาเสียก่อน ซึ่ง พรบ.กีฬาฉบับใหม่ได้ระบุไว้ว่า วาระการดำรงตำแหน่งขึ้นอยู่กับข้อบังคับของแต่ละสมาคมและไม่ขัดต่อองค์การกีฬานานาชาติในแต่ละสมาคมด้วย
ประเด็นสำคัญอีก 1 อย่างในระเบียบข้อบังคับการเลือกตั้งฉบับนี้ จำนวนผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งจะลดจำนวนเหลืออยู่เพียง 72 เสียง เนื่องจากฟีฟ่าจะให้สิทธิ์กับผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งดูจากการมีส่วนร่วมของสโมสร
ที่มาของ 72 เสียง มาจาก 18 ทีมจากโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก, 18 ทีมจาก ยามาฮ่าลีกวัน, สโมสรที่เข้าร่วมฟุตบอล เอไอเอสลีกภูมิภาค อีก 6 ศูนย์สูนย์ละ 5 เสียงรวมเป็น 30 เสียง และทีมจากถ้วย ข./ค./ง. อีกถ้วยละ 2 เสียงรวมเป็น 6 เสียง
การที่สมาคมฟุตบอลเปลี่ยนมาลดจำนวนเสียงจาก 179 เสียงให้เหลือ 72 เสียง โดยยึดหลักธรรมนูญมาตรฐานการเลือกตั้งของฟีฟ่า ส่วนสำคัญคือลดปัญหาการซื้อเสียง เพราะในธรรมนูญฟีฟ่าระบุชัดเจนเรื่องการซื้อเสียงจะมีบทลงโทษขั้นรุนแรง คือการห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลตลอดชีวิต