เส้นทางศิลปินไทยในเกาหลี

Logo Thai PBS
เส้นทางศิลปินไทยในเกาหลี

ไม่ใช่แค่ต้องเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์ และแนวทางทำงาน แต่ศิลปินไทยที่ได้มีโอกาสไปสร้างผลงานบนเส้นทางบันเทิงของเกาหลี ยังต้องเข้าสู่กระบวนการเป็นศิลปินฝึกหัด ที่ต้องอาศัยความอดทน ฝึกฝนทั้งภาษา ปรับตัวกับวัฒนธรรมและเพื่อนฝูง หลายคนยังเดินต่อไปได้ด้วยใจมุ่งมั่น แต่บางคนก็ต้องหยุดกลางครันเพราะภาวะกดดันที่มาพร้อมการแข่งขันทางธุรกิจ

ผมสีทอง แต่งตัวจัดจ้าน และมาพร้อม รูปร่าง และท่าเต้นที่ดูแข็งแรงขึ้น ในเพลง She's bad ทำเอาหลายคนเกือบจำศิลปินไทย " ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม " ไม่ได้ นี่เป็นผลงานเพลงแรกในสังกัด CJ Entertainment ของเกาหลี ที่ร่างสัญญากันไว้ 3 ปีเต็ม หลังจากที่ นัททิว แชมป์ อะคาเดมี่แฟนเทเชียปี 5 เป็นเพียงคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือก ได้เป็นศิลปินแลกเปลี่ยนระหว่างสังกัดเพลงไทย และเกาหลี

การฝึกฝนหลายเดือนในบ้าน AF ทำให้นัททิว ไม่ต้องเป็นนักร้องฝึกหัดหรือ "เทรนนี" (trainee) เหมือนศิลปินไทยอีกหลายคน แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เขาต้องฝึกน้อยลง โดยเฉพาะตารางงานที่สังกัดจัดกำหนดไว้แล้วตลอด 24 ชม.  

<"">

 

ช่องทางของศิลปินไทยที่ไปแจ้งเกิดในวงการเพลงของเกาหลีนั้นมีมากขึ้น นอกจากแข่งขันเรียลลิตี้แล้ว ก็ยังมีการออดิชั่นเพื่อเฟ้นหาตัวแทนศิลปินหน้าใหม่ที่จะไปร่วมงานกับเกาหลี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี 

ไม่ใช่ทุกคนจะราบรื่นบนเส้นทางบันเทิงแดนโสม เพราะ จุฑามาศ วิชัย หรือ จอย ราเนีย สมาชิกสาวไทยหนึ่งเดียวในวงเกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี ที่เข้าวงการด้วยการออดิชั่น กลับหันหลังถอดใจ หายหน้าจากวงไปแบบกะทันหัน แม้มีเหตุผลไม่ชัดเจนนักที่ต้องกลับประเทศไทย แต่หลายคนก็อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ ว่าอาจมาจากความเครียดในการปรับตัว วัฒนธรรมที่แตกต่าง และการฝึกศิลปินที่เข้มงวดทุกกระเบียดนิ้ว

ความสามารถรอบด้าน ทั้งการเป็นพิธีกร นักร้อง นักแสดง มาจากการฝึกฝนอย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ภาพลักษณ์ ที่ต้องดูดี วางตัวทั้งหน้ากล้องหลังกล้อง รวมถึงการใช้ชีวิตในหอพัก หรือคอนโดมิเนียมที่ทางค่ายจัดหาให้ และทำทุกอย่างตามตารางที่กำหนดไว้แล้ว ก็ดูจะเป็นหนึ่งในกระบวนการปั้นศิลปินของเกาหลี ที่ต้นสังกัดต้องวางแผนระยะยาวไว้ ไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี

ลีจุนวอน ทำหน้าที่คัดเลือกศิลปินให้ค่ายดัง YG Entertainment  ที่มีศิลปินแถวหน้าอยู่ไม่น้อย เช่น ไซ 2ne1 bigbang และseven เขาบอกว่าช่วงอายุที่เหมาะแก่การฝึกหัดอยู่ที่ 11 ปี ทุกคนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ถึงจะมีผลงานชิ้นแรกได้ นอกเหนือไปจากหน้าตาที่ดูสวยหล่อแล้ว ลีจุนวอน ยังมองที่ความสามารถ ความพยายามเป็นหลัก ซึ่งวิธีมองหาศิลปินหน้าใหม่ของเขายังใช้เรื่องของ sense หรือ ความรู้สึกเพื่อมองหาแววที่ซ่อนอยู่อีกด้วย    

ยังมีข้อได้เปรียบของศิลปินไทยที่ไปร่วมงานกับเกาหลี ทั้งเรื่องหน้าตาที่มีเอกลักษณ์ และอุปนิสัยที่ร่าเริงเข้ากับผู้คนได้ง่าย ซึ่งต้องใช้ความพร้อมด้านภาษา และความสามารถ ฝ่าฝันแรงกดดันที่มากพอๆกับ ภาวะการแข่งขันในวงการบันเทิงเกาหลี การได้เห็นศิลปินไทยไปร่วมแจม หรือ ถึงขั้นโชว์ผลงานเดี่ยว ก็ยังทำให้ภาพความสัมพันธ์ระดับเอเชียชัดเจน น่าจับตามองมากขึ้นทุกวัน และที่น่ายินดีไปกว่านั้น คือ การพิสูจน์อีกก้าวสำคัญในความสามารถของศิลปินไทยที่ก้าวไปได้ไกลกว่าที่หลายคนคิด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง